เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมนี้ พลเรือตรีจอห์น เคอร์บี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ และประเทศสหพันธ์อย่างเดียวไม่สามารถขัดขวางการขยายตัวของกลุ่มไอซิสได้ สิ่งสำคัญคือต้องให้กองทัพซีเรียและกองทัพบกเข้ามาปราบปราม นายเคอร์บี้กล่าวว่า ปัจจุบัน การอบรมทางทหารที่ซาอุดีอาระเบียเพื่อต่อต้านกลุ่มติดอาวุธฝ่ายต่อต้านซีเรียเพิ่งเริ่มต้น ดังนั้น ความยากลำบากที่สุดของยุทธศาสตร์การปราบปรามคือ ไม่มีกองทัพบกที่สามารถต่อสู้กับกลุ่มไอซิสในซีเรียได้ ประสบการณ์ 13 ปีที่กองทัพสหรัฐฯ ต่อสู้ในอิรักและอัฟกานิสถานแสดงว่า กองทัพของประเทศนั้นๆ เป็นกองทัพต่อต้านข้าศึกที่ดีที่สุด ไม่ใช่กองทัพสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ในช่วง 2 เดือนตั้งแต่นายโอบามาประกาศโจมตีกลุ่มไอซิสทางอากาศเป็นต้นมา กลุ่มดังกล่าวยังไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง โดยยังครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของอิรักและซีเรียอยู่
นอกจากนี้ ภายในสหพันธ์การปราบกลุ่มไอซิส เป็นการแทรกแซงสงครามภายในของซีเรียหรือไม่ ก็เป็นปัญหาเด่นที่ท้าทายสหรัฐฯ ในยุทธศาสตร์ต่อซีเรีย สถานการณ์เมืองโคบานีที่ตึงเครียดมากสะท้อนให้เห็นถึงข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ กับตุรกีในปัญหาซีเรียอย่างชัดเจน สหรัฐฯ เห็นว่า การที่กลุ่มไอซิสดำเนินการในซีเรียได้ ตุรกีต้องเป็นผู้รับผิดชอบด้วยการไม่ได้ทำอะไร โดยไม่ได้ห้ามผู้ติดอาวุธต่างชาติที่ผ่านพรมแดนตุรกี-ซีเรียเข้าดินแดนซีเรีย อีกทั้งยังไม่ขัดขวางกลุ่มไอซิสค้าขายน้ำมันในตุรกีด้วย ส่วนฝ่ายตุรกีเห็นว่า สหรัฐฯ ควรเป็นผู้ที่เสนอให้ตั้งเขตกันชนและเขตห้ามบินที่พรมแดนตุรกี-ซีเรีย และการโค่นล้มรัฐบาลบาซาร์ อัล อัสซัส ควรเป็นยุทธศาสตร์สุดท้ายของสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ แต่สำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว การแทรกแซงสงครามภายในของซีเรียเป็นเรื่องที่นายโอบามพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด
In/Chu