เมื่อ 2 เดือนก่อน คณะกรรมการกลางฯ ตกลงว่า จะสืบสวนคดีของนายโจว หย่งคัง อดีตกรรมการประจำกรมการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน พร้อมด้วยมีการประกาศประเด็นหลักของการประชุมครั้งนี้ ในมุมมองของสื่อมวลชนและบรรดานักวิชาการ นับเป็นข้อตกลงที่เต็มไปด้วยการพิจารณาอย่างรอบคอบและมีความมั่นใจในการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น ศาสตราจารย์หลี่ เฉิงเหยียน จากสถาบันการปกครองของรัฐบาลมหาวิทยาลัยปักกิ่งกล่าวว่า
" ทุกครั้งที่มีการปฏิรูปและการปราบปรามทุจริจคอรัปชั่นจัดขึ้นแล้ว ย่อมจะผลักดันให้ระบบทางการเมืองและการปกครองตามกฎหมายได้รับผลคืบหน้า เนื่องจากว่าต้องแก้ไขปัญหาที่ไม่เป็นปกติในสังคม ทำให้เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงในการจัดตั้งภาวะสังคมใหม่ ส่วนหัวใจของภาวะใหม่นี้ก็คือต้องปกครองตามกฎหมาย"
หลังจากการประชุมสมัชชาครั้งที่ 18 แล้ว พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้แสดงความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ในการจับกุมข้าราชการระดับสูง และเจ้าหน้าที่สำคัญๆ ภายในพรรค สื่อมวลชนต่างเห็นว่า กำหนดให้การปราบปรามกลายเป็นระบบไปก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจในการประชุมครั้งนี้ด้วย คณะผู้นำระดับสูงของจีนกำลังพยายามกำหนดแนวทางปกครองประเทศที่ถือการปฏิบัติตามกฎหมายเป็นหัวใจ ประจวบกับปัจจุบันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อด้วย นายจู ลี่เจีย อาจารย์วิจัยการบริหารสาธารณะของสถาบันการบริหารทางการเมืองแห่งชาติจีนกล่าวว่า " นับตั้งแต่การประชุมครั้งนี้เป็นต้นไป เราจะดำเนินการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นจากผิวเผินเข้าสู่แก่นลึก ซึ่งก็คือต้องมีนโยบายป้องกันไม่ให้เกิดสภาพนี้ ให้ผู้มีอำนาจไม่กล้า ไม่คิด และไม่สามารถดำเนินการทุจริตคอรัปชั่นได้ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานี้ เรามีประสบการณ์มากมายในการดำเนินตามแนวคิดดังกล่าว"
Yim/Lei