สำนักข่าวแห่งประเทศจีนรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนกล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำด้านพาณิชย์เอเปค สร้างความสนใจให้แก่สื่อมวลชนต่างประเทศ โดยสื่อมวลชนระบุว่า การสร้างความใฝ่ฝันแห่งเอเชีย-แปซิฟิกแสดงให้เห็นว่า จีนกำลังมุ่งที่จะสร้างระเบียบใหม่ทางเศรษฐกิจและการเมืองของเอเชีย-แปซิฟิก
หนังสือพิม์เหลียนเหอเจ่าเป้าของสิงคโปร์ตีพิมพ์บทความในหัวข้อ "นายสี จิ้นผิงระบุสร้างความใฝ่ฝันแห่งเอเชีย-แปซิฟิกเป็นครั้งแรก" โดยรายงานว่า หลังจากกล่าวถึงความใฝ่ฝันของจีนแล้ว นายสี จิ้นผิง ได้กล่าวถึงความใฝ่ฝันของเอเชีย-แปซิฟิกเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า จีนกำลังมุ่งสร้างระเบียบใหม่ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่มีความอดทน เปิดเผย ร่วมมือ และเพื่อชัยชนะร่วมกัน
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล์ ไทมส์ ของอังกฤษก็ได้ติดตามในคำกล่าวเกี่ยวกับความใฝ่ฝันแห่งเอเชีย-แปซิฟิก พร้อมได้อ้างคำกล่าวของนายสี จิ้นผิง เกี่ยวกับเนื้อหายอดการลงทุนของจีนสู่ต่างประเทศใน 10 ปีข้างหน้าที่เป็นเมิดเงินกว่า 1.25 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และจีนจะลงทุน 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อจัดตั้งกองทุนเส้นทางสายไหม และโครงการปรับปรุงส่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน สำหรับโครงการสร้างเขตเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม และเส้นทางสายไหมทางทะเลนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมจีนกับเขตเมดิเตอร์เรเนียนเข้ากัน
สำนักข่าวรอยเตอร์สอ้างเนื้อหาปาฐกถาของนายสี จิ้นผิง ในรายงานเรื่อง "นายสี จิ้นผิง : เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มการพัฒนาอย่างมั่นคง มีความสามารถรับมือกับความเสี่ยงประเภทต่างๆ " ว่า จีนกำลังส่งเสริมการพัฒนาความเป็นอุตสาหกรรมแบบใหม่ ความเป็นสารสนเทศ (Informatization) ความเป็นเมือง และความทันสมัยด้านการเกษตร ทั้งนี้ยังมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ในการเติบโตด้วย การเติบโตของเศรษฐกิจจีนส่วนใหญ่แล้วจะอาศัยการบริโภคภายในประเทศมากกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงภายนอกที่เกิดจากการพึ่งพาอาศัยการส่งออก
สื่อมวลชนบางแห่งสนใจเนื้อหาการเติบโตทางเศรษฐกิจในคำปาฐกถาด้วย หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล์ ไทมส์ ของอังกฤษ รายงานว่า นายสี จิ้นผิง กล่าวถึงปัญหาการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลงโดยตรงว่า บางคนกังวลว่า เศรษฐกิจจีนจะพัฒนาช้าลงอีกหรือไม่ สามารถผ่านอุปสรรดได้หรือไม่ ความเสี่ยงนั้นมีอยู่จริง แต่ไม่น่ากลัวมาก เศรษฐกิจจีนมีความแข็งแรงพอที่จะช่วยขจัดความเสี่ยงนี้ได้
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg News) รายงานว่า ถึงแม้ว่าจีนจะรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เป็น 7% ไม่ว่าจะมองจากความเร็วหรือขนาด เศรษฐกิจจีนก็จะอยู่แนวหน้าของโลก
Toon/Ldan