นายฟาม ธันห์ บินห์ กงสุลใหญ่เวียดนามประจำหนานหนิงกล่าวว่า การยกระดับความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างจีนกับอาเซียนควรขจัดอุปสรรคนอกเหนือภาษีศุลกากร สองฝ่ายควรกระชับความร่วมมือด้านการตรวจสอบคุณภาพและกักกันโรค ตลอดจนการเชื่อมต่อกันในทุกด้าน ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างเวียดนามกับจีนพัฒนาอย่างรวดเร็ว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จีนเป็นตลาดใหญ่ที่นำเข้าข้าวจากเวียดนาม ส่วนผลไม้เวียดนาม เช่น แตงโม ลำใยและลิ้นจี่ เป็นต้น ส่งออกไปยังจีนอย่างไม่ขาดสาย แต่ปัจจุบัน การค้าระหว่างสองประเทศเจออุปสรรคบางอย่างที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร เช่น ขั้นตอนผ่านด่านศุลกากรสลับซับซ้อนเกินไป หน่วยงานตรวจสอบคุณภาพและกักกันโรคของสองฝ่ายไม่ได้เชื่อมต่อกันอย่างดี
นอกจากนี้ ยังมีอุปสรรคอีกอย่างหนึ่งคือ การขนส่ง นางสาวพัชนี กิจถาวร กงสุลใหญ่ไทยประจำเมืองหนานหนิงกล่าวว่า ช่วง 10 ปีแรกหลังจากจัดตั้งเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนเป็นต้นมา การค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทยกับจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจากด่านศุลกากรไทยแสดงว่า ปี 2003 ยอดการค้าระหว่างสองฝ่ายมีเพียง 1,470 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ปี 2013 เพิ่มขึ้นเป็น 10,940 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.4 เท่า
ปัจจุบัน เส้นทางขนส่งสินค้าทางบกระหว่างไทยกับจีน ไม่ว่าจากกรุงเทพฯ ถึงคุนหมิง หรือจากกรุงเทพฯ ผ่านเวียดนามถึงหนานหนิง ล้วนไม่ค่อยสะดวก การยกระดับเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนต้องเิ่พิ่มการเชื่อมต่อกันระหว่างสองฝ่าย หากสร้างทางรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ – คุนหมิง สินค้าเกษตรของจีนก็สามารถขนส่งถึงกรุงเทพฯ ได้อย่างรวดเร็ว แล้วจากกรุงเทพฯ กระจายสู่ประเทศอื่นๆ ของอาเซียน ขณะเดียวกัน สินค้าไทยก็จะเข้าสู่ตลาดจีนเร็วขึ้น