เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมาเป็นวันเอดส์โลกครั้งที่ 27 ตั้งแต่จีนพบผู้ป่วยเอดส์รายแรกเมื่อปี 1985 เป็นต้นมา ขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อ หรือป่วยเป็นโรคเอดส์ราว 500,000 ราย แม้อัตรการแพร่ระบาดทั่วประเทศจีนยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่อัตราการติดเชื้อของกลุ่มคนที่สำคัญ อย่างเช่น กลุ่มนักเรียนนักศึกษากลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
โดยประเด็นการรณรงค์ในปีนี้ยังคงเป็น Getting to Zero"เอดส์ลดให้เหลือศูนย์ได้" นายหวัง กั๋วเฉียง รองผู้อำนวยการคณะกรรมการสาธารณสุขและวางแผนครอบครัวแห่งชาติจีนระบุว่า ตั้งแต่จีนพบผู้ป่วยเอดส์รายแรกเมื่อปี 1985 เป็นต้นมา จนถึงสิ้นเดือนตุลาคมปีนี้ มีผู้ติดเชื้อ หรือป่วยเป็นโรคเอดส์และยังมีชีวิตอยู่จำนวน 497,000 ราย เสียชีวิตแล้ว 154,000 ราย
นายหวัง กั๋วเฉียงระบุว่า "ขณะนี้ สภาพการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์มีลักษณะ 4 ประการ 1.อัตราการแพร่ระบาดในทั่วประเทศอยู่ในระดับต่ำ แต่บางพื้นที่มีระดับค่อนข้างสูง 2.การติดเชื้อจากการฉีดสารเสพติดและระหว่างมารดากับทารกในครรภ์ลดถึงระดับค่อนข้างต่ำ แต่การติดเชื้อด้วยเพศสัมพันธ์กลายเป็นการติดเชื้อสำคัญ 3. รูปแบบการแพร่เชื้อในท้องที่ต่างๆ มีความแตกต่างกัน อัตราการติดเชื้อของกลุ่มวัยกลางคน ผู้สูงวัย นักเรียนนักศึกษาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 4. ผู้ติดเชื้อหรือป่วยเป็นโรคเอดส์ที่รอดชีวิตได้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ในขณะที่มีผู้ป่วยเป็นโรคเอดส์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น"
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนให้ความสำคัญอย่างมากกับการป้องกันและรักษาโรคเอดส์ โดยได้ประกาศใช้กฎหมาย และกฎระเบียบข้อบังคับ เช่น "กฎหมายว่าด้วยการป้องกันโรคติดต่อ" และ "กฎระเบียบว่าด้วยการป้องกันโรคเอดส์" อีกทั้งยังประกาศใช้นโยบายต่างๆ เช่น การตรวจวินิจฉัยเชื้อเอดส์ฟรี การรักษาเพื่อต้านเชื้อไวรัสเอดส์ การสกัดกั้นเชื้อระหว่างมารดากับทารกในครรภ์ ตลอดจนให้ความช่วยเหลือทั้งค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพกับเด็กกำพร้าของผู้ป่วยเป็นโรคเอดส์ ทำให้อัตราการตายของผู้ป่วยโรคเอดส์ และสภาพการแพร่ระบาดในทั่วประเทศยังคงอยู่ในระดับต่ำ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในจำนวนนี้ เพศชายมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเป็น 1 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ในขณะที่กลุ่มนักเรียนนักศึกษากลายเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูง