วันที่ 6 มกราคมนี้ กระทรวงการเกษตรจีนประกาศว่า จีนจะเริ่มใช้แผนยุทธศาสตร์ถือมันฝรั่งเป็นธัญญาหารหลัก โดยแปรรูปมันฝรั่งเป็นหมันโถว ก๋วยเตี๋ยว และบะหมี่ เป็นต้น ในอนาคต มันฝรั่งจะกลายเป็นธัญญาหารหลักสำคัญอันดับที่ 4 ของจีน รองจากข้าวเจ้า ข้าวสาลี และข้าวโพด คาดว่าถึงปี 2020 จะมี 50% ของมันฝรั่งจะถูกใช้เป็นธัญญาหารหลัก
มันฝรั่งอุดมด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าหลายชนิด ไขมันต่ำ มีส่วนช่วยต่อการควบคุมน้ำหนัก ป้องกันความดันเลือดสูง และโรคเบาหวาน เป็นต้น ในโลกมีหลายประเทศถือมันฝรั่งเป็นธัญญาหารหลัก แต่ปัจจุบัน ในจีนมีแค่บางพื้นที่ที่ใช้มันฝรั่งเป็นธัญญาหารหลัก พื้นที่ส่วนใหญ่เห็นมันฝรั่งเป็นเพียงส่วนประกอบในการปรุงอาหารเท่านั้น
ถึงปี 2020 ความต้องการธัญญาหารของจีนจะมีกว่า 50,000 ล้านกิโลกรัม แต่เนื่องจากทรัพยากรที่ดินการเกษตรมีจำกัด ปริมาณการผลิตธัญญาหารอย่างข้าวเจ้าและข้าวสาลียากที่จะเพิ่มขึ้นอีก ส่วนมันฝรั่งมีความได้เปรียบที่ปลูกได้ในพื้นที่ทั้งหนาวและแห้ง
นายหลี่ กั๋วเสียง นักวิจัยสถาบันการพัฒนาชนบทสภาสังคมศาสตร์จีนชี้ให้เห็นว่า การใช้มันฝรั่งเป็นธัญญาหารหลักของจีนนั้น จะทำให้ความต้องการอาหารของจีนได้รับการประกันมากยิ่งขึ้น ยังมีส่วนช่วยต่อการบรรเทาความกดดันด้านทรัพยากรและการพัฒนาการเกษตรอย่างต่อเนื่อง
เขากล่าวว่า มันฝรั่งในจีนมีปริมาณการผลิตค่อนข้างสูง และสามารถใช้เป็นธัญญาหารสำคัญได้ สำหรับภาคตะวันตกของจีน โดยเฉพาะในเขตยากจน มันฝรั่งจะมีความหมายสำคัญต่อการประกันความต้องการทางอาหารของประชาชนได้อย่างพอเพียง