รัฐบาลสิงคโปร์มีชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์สุจริตและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมาโดยตลอด การที่ภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นตกดิ่งลงในปีหลังๆ มานี้สาเหตุสำคัญก็เพราะว่า เกิดคดีคอร์รัปชั่นในหน่วยงานสาธารณะหลายคดี ทั้งในสำนักงานตรวจสอบ กระทรวงการต่างประเทศ กองกำลังป้องกันพลเรือน สำนักงานสวนสาธารณะแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore）ทำให้ประชาคมโลกปรับลดอันดับดัชนีความโปร่งใสของข้าราชการสิงคโปร์ต่ำลง
ตัวอย่างเช่น นายเยียว โซว ซง เอดวิน (Yeo Seow Hiong Edwin) ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานตรวจสอบคอร์รัปชั่นสิงคโปร์ถูกเปิดเผยเมื่อปี 2013 ว่า ช่วงระหว่างปี 2008-2012 ได้ยักยอกเงินหลวงจำนวน 1,760,000 เหรียญสิงคโปร์ (ราว 1,320,000 เหรียญสหรัฐฯ) ไปใช้ในการพนัน จึงถูกลงโทษจำคุก 10 ปี นับเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของรัฐบาลและข้าราชการสิงคโปร์
แม้เป็นเช่นนี้ ดัชนีความโปร่งใสของสิงคโปร์ยังคงอยู่อันดับสูงที่สุดในเอเชีย มาตรการปราบปรามการทุจริตของสิงคโปร์เห็นผลมาโดยตลอด เมื่อเร็วๆ นี้ในที่ประชุม "ปฏิบัติตามหลักความซื่อสัตย์สุจริตและค่านิยมบริการสาธารณะ" นายลี เซียน ลอง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้ประกาศมาตรการใหม่ๆ ด้านการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งรวมถึงการเพิ่มกำลังคนของสำนักงานตรวจสอบคอร์รัปชั่นสิงคโปร์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเสริมสร้างอำนาจหน้าที่ของสำนักงานฯ ให้เข้มแข็งขึ้น ตลอดจนใช้เทคโนโลยีบิ๊กดาต้า (big data) ในการตรวจสอบการค้าที่มีการพิรุธอย่างรวดเร็ว จัดตั้ง "ศูนย์รับแจ้งคอร์รัปชั่นแบบวันสต็อป" ในเขตเมือง เป็นต้น เพื่อสร้างจิตสำนึกในการปราบปรามคอร์รัปชั่นในหมู่สาธารณชนมากขึ้น
นับว่าเป็นการสร้างบรรยากาศ "ไม่กล้าคอร์รัปชั่น ไม่อยากคอร์รัปชั่น และไม่ควรคอร์รัปชั่น" แต่ข้อควรสังเกตก็คือ แม้ในสิงคโปร์ที่มีความเฉียบขาดด้านการปราบปรามคอร์รัปชั่น ก็ยังคงเกิดคดีคอร์รัปชั่นร้ายแรงมากมาย ซึ่งแสดงว่า การปราบปรามคอร์รัปชั่นไม่มีที่สิ้นสุด ไม่อาจประมาทได้ นายลี เซียน ลองยังระบุว่า จะเอาอย่างประสบการณ์ของจีนในการปราบ "เสือและแมลงวัน" พร้อมกัน
(TOON/LING)
