ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา มีการปะทะด้วยกำลังอาวุธระหว่างทหารรัฐบาลกับกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยทางภาคเหนือพม่าอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลกระทบต่อกระบวนการสันติภาพของพม่า แต่นักสังเกตการณ์เห็นว่า การสู้รบทางภาคเหนือพม่าคงไม่ยกระดับขึ้นอีกขั้น เพราะว่าทั้งสองฝ่ายไม่เคยละทิ้งจุดยืนากรเจรจาสันติภาพ
นับตั้งแต่ศตวรรษปี 1950 – 1960 เป็นต้นมา พม่ามีกองกำลังอาวุธชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่มดำรงอยู่มาโดยตลอด หลังจากพลเอกเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีพม่าบริหารอำนาจรัฐเมื่อเดือนมีนาคมปี 2011 แล้ว ได้ทุ่มกำลังผลักดันกระบวนการความปรองดองแห่งชาติ และบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่ม
แต่การเจรจากับทหารเอกราชรัฐคะฉิ่น ซึ่งเป็นกองกำลังที่ค่อนข้างเข้มแข็งนั้นคงไม่ราบรื่นโดยง่าย ซึ่งการปะทะด้วยกำลังอาวุธดังกล่าว ก็ดำเนินการระหว่างกองกำลังอาวุธชนเผ่าน้อยหลายกลุ่มซึ่งรวมถึงทหารเอกราชคะฉิ่นกับทหารรัฐบาล
แนวคิดการเจรจาสันติภาพของรัฐบาลพม่าคือ ดำเนินการเจรจากับกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยทั้งหมด และลงนามข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ หลังจากนั้นจะเข้าสู่การเจรจาการเมืองต่อไป ฝ่ายชนกลุ่มน้อยเห็นด้วยกับข้อเสนอของรัฐบาล แต่ก็เสนอว่า ควรระบุหลักการการเจรจาทางทางการเมืองที่เกี่ยวข้องไว้ในข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1994 ทหารเอกราชคะฉิ่นเคยบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลกลาง แต่เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2011 สองฝ่ายเกิดปะทะขึ้นอีกครั้ง ทำลายสถานการณ์สันติที่สืบเนื่องมากว่า 10 ปี และเข้าสู่
สภาพที่มีการเจรจาและการปะทะดำเนินการพร้อมกัน
สิ่งที่สำคัญคือ ความไว้วางใจระหว่างรัฐบาลกับกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยอ่อนแอมาก ฝ่ายกองกำลังชนกลุ่มน้อยมีความกังวลว่า จะสามารถบรรลุเป้าหมายของตนหรือไม่ สิทธิประโยชน์ของท้องถิ่นจะมีหลักประกันทางกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้เป็นปัญหาที่พวกเขาสนใจมากที่สุด
(Yim/Lin)
