เมื่อเร็วๆ นี้ กรมส่งเสริมการรักษาสุขภาพของสิงคโปร์เริ่มให้เงินอุดหนุนกับบริษัทจำหน่ายน้ำมันบริโภค เพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้ขายน้ำมันปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพให้กับพ่อค้าปลีกและร้านอาหารในราคาย่อมเยา คาดว่า ผู้บริโภคสามารถที่จะเลือกซื้ออาหารตามเครื่องหมายรับรองสุขภาพตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป
กรมส่งเสริมการรักษาสุขภาพสิงคโปร์ได้ตั้งมาตรฐานต่อสุขอนามัยของน้ำมันบริโภค หากผู้ผลิตและผู้นำเข้าน้ำมันบริโภคได้มาตรฐานสุขอนามัยที่องค์กรนี้กำหนดไว้ ผู้ซื้อก็จะได้เงินอุดหนุน 0.5 เหรียญสิงคโปร์ต่อลิตร ทั้งนี้ ทำให้ภัตตาคารสามารถที่จะซื้อน้ำมันบริโภคที่มีคุณภาพดีกว่าในราคาเท่าเทียมกับน้ำมันบริโภคทั่วไป ซึ่งหน่วยงานรัฐบาลก็จะแจกเครื่องหมายรับรองให้กับภัตตาคารที่ใช้น้ำมันบริโภคที่มีสุขอนามัยดีกว่า เพื่อให้ผู้บริโภคพิจารณาได้ง่าย
ตามโครงการนี้ หลังจากดำเนินการเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว ทางการสิงคโปร์จะตรวจสอบว่า เงินอุดหนุนที่ให้ไปนั้นสามารถที่จะทำให้ราคาระหว่างน้ำมันบริโภคทั่วไปกับน้ำมันบริโภคที่มีคุณภาพดีกว่าเท่าเทียมกัน จนถึงปี 2020 รัฐบาลหวังว่าจะทำให้อัตราการใช้น้ำมันเพื่อสุขภาพปรุงอาหารในภัตตาคารเพิ่มจากร้อยละ 3 ในขณะนี้ขึ้นเป็นร้อยละ 20 เท่ากับว่า แต่ละปี ได้จำหน่ายอาหารที่ถูกหลักอนามัย 180 ล้านชุด
สิงคโปร์เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อด้วยการมีความเข้มงวดในการปฏิบัติตามกฎหมาย จากการแนะนำในข้างต้นจะเห็นได้ว่า การที่รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศใช้กฎหมายใหม่ เมื่อดำเนินการครึ่งปีแล้ว ยังจะตรวจตราว่า มีประสิทธิภาพหรือไม่ และต้องปรับปรุงหรือไม่ การใช้ท่าทีสุขุมรอบคอบเช่นนี้ทำให้ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของสิงคโปร์น่าไว้วางใจ เพราะได้ตั้งมาตรฐานอย่างเข้มงวดตั้งแต่เริ่มต้น โดยเฉพาะการจัดการน้ำเสีย เนื่องจากสิงคโปร์ตั้งอยู่ในเขตโซนร้อน ถ้าการจัดการน้ำเสียไม่ดีจะก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่าง ดังนั้น สิงคโปร์จึงมีความเข้มงวดเป็นพิเศษต่อการบริหารธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม