สำนักข่าวซินหวารายงานว่า วันที่ 22 มีนาคมนี้ การประชุมฟอรัมประจำปีระดับสูงเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศจีนปี 2015 จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ผู้ร่วมการประชุมครั้งนี้ประกอบด้วยผู้แทนจากวงการต่างๆ ของจีนรวมกว่า 300 คน และเจ้าหน้าที่รัฐบาล นักวิชาการ นักธุรกิจบริษัทขนาดใหญ่จาก 19 ประเทศและเขตแคว้นรวมประมาณ 400 คน เพื่อวิเคราะห์ถึงการพัฒนาเศรษฐกิจจีนรูปแบบใหม่ในอนาคต
เมื่อปี 2014 เศรษฐกิจจีนโต 7.4% และเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2015 อยู่ที่ประมาณ 7% ซึ่งเป็นอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำสุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา นักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกจึงพากันวิเคราะห์ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจจีนในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้ร่วมประชุมครั้งนี้มีความเห็นตรงกันว่า ไม่ต้องกังวลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
นายทาเกฮิโกะ นากาโอะ (Takehiko Nakao) ประธานธนาคารพัฒนาเอเชียกล่าวว่า ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจีนเติบโตช้าลงเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา แต่ยังคงขยายตัวในความเร็วค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ในวันข้างหน้า จีนควรเน้นคุณภาพการพัฒนาเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ หากไม่ใช่ปริมาณ ปัจจุบัน จีนพัฒนาเศรษฐกิจโดยพึ่งพาอาศัยการลงทุน และการส่งออกน้อยลง และหันมาพึ่งการบริโภค ภาคบริการมากขึ้น นี่แสดงให้เห็นว่า จีนกำลังเร่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจ
ศาสตราจารย์สตีเฟ่น โรช (Stephen S. Roach) นักวิจัยระดับสูงมหาวิทยาลัยเยล(Yale University) เคยร่วมการประชุมฟอรัมระดับสูงประจำปีเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศ จีนมา 15 ครั้งแล้ว เขากล่าวว่า ในอนาคต เศรษฐกิจจีนจะต้องหันมาพึ่งพาอาศัยภาคบริการและการบริโภคมากขึ้น ทั้งๆ ที่ในกระบวนการนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง
นางศรีมุลยานี อินดราวาติ ( Sri Mulyani Indrawati) รองประธานธนาคารโลกกล่าวว่า ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้าที่คาดการณ์ ไว้อยู่ที่ประมาณ 7% นั้นได้บ่งชี้ถึงแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ในอนาคต คือจีนต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่เหมาะสม เพื่อสร้างงานให้เพียงพอ อีกทั้งอำนวยความสะดวกและสร้างหลักประกันแก่การปฏิรูปด้านต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจที่ตั้งไว้
ด้านศาสตราจารย์หลิน อี้ฟู มหาวิทยาลัยปักกิ่งกล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตเพียงประมาณ 7% เท่านั้น แต่ก็ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจโลกที่สำคัญที่สุด ปัจจุบัน จีดีพีของจีนคิดเป็นประมาณ 13 % ของโลก หากเศรษฐกิจจีนขยายตัว 7% ก็จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจโลกเติบโตประมาณ 1%
ด้านศาสตราจารย์หู อันกัง มหาวิทยาลัยชิงหวาของจีนกล่าวว่า หลังเกิดวิกฤติการเงินโลกเมื่อปี 2008 จีนเป็นประเทศเดียวที่สามารถกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างค่อนข้าง รวดเร็ว ซึ่งมีบทบาทช่วยให้เศรษฐกิจโลกมีความมั่นคงมากขึ้น ขณะนี้ จีนเริ่มพัฒนาเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ย่อมจะมีบทบาทมากขึ้นในการเพิ่มความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจโลกอีก เพราะว่า จีนจะเปลี่ยนจากประเทศที่นำเข้าทุนต่างชาติเพียงอย่างเดียวมาเป็น ประเทศที่ทั้งนำเข้าและไปลงทุนที่ต่างประเทศ ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนกำลังมีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
(YIM/cai)
