นอกจากนี้ นายเผิงจาวยังมุ่งหาโอกาสร่วมมือกับมณฑลที่ใกล้ชิด เมื่อปีที่แล้ว นายเผิงจาวก็ร่วมมือกับสมาชิกมณฑลกวางตุ้ง เสนอการสร้างเขตทดลองความร่วมมือพิเศษระหว่างสองมณฑลเพื่อส่งเสริมการปรับและยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรม และผลักดันการพัฒนาสองมณฑลให้เป็นหนึ่งเดียวทางเศรษฐกิจ ปีนี้ เขาก็ร่วมมือกับนายหยาง หลงเซิง สมาชิกสภาปรึกษาการเมืองมณฑลหยุนหนาน เสนอข้อเสนอเกี่ยวกับการสร้างระบบป้องกันโรคติดต่อในพื้นที่ใกล้อาเซียน เพราะปัจจุบัน องค์การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อของมณฑลหยุนหนานและเขตกวางสีมีพื้นฐานอ่อนแอ ระดับสาธารณูปโภค ห้องทดลองและบุคลากรยังไม่ถึงมาตรฐานของประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีระดับต่ำ ซึ่งไม่สอดคล้องต่อการร่วมมือและติดต่อกับพื้นที่ใกล้เคียงของประเทศอาเซียน สมาชิกทั้งสองแนะนำว่า เขตกวางสีและมณฑลหยุนหนานติดกับอาเซียน การแพร่ระบาดข้ามชาติของโรคติดต่อเป็นเนื้อหาสำคัญของความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน หลายปีที่ผ่านมา สองมณฑลได้พยายามป้องกันและควบคุมโรคติดต่อแพร่ระบาดข้ามชาติมาโดยตลอด และก็ได้ประสบผลสำเร็จไม่น้อย แต่ยังมีปัญหาจำนวนมาก จึงต้องการส่งเสริมในระดับชาติ และกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ สมาชิกทั้งสองปรารถนาความร่วมมือทางด้านการป้องกันโรคติดต่ออย่างมาก หวังว่าข้อเสนอนี้จะอยู่ในความสนใจของรัฐบาล เพื่อยกระดับการรักษาพยาบาลและประกันความมั่นคงของพื้นที่ชายแดน

ความจริงแล้ว ไม่เพียงนายเผิงจาวมุ่งส่งเสริมความสัมพันธ์จีนกับอาเซียน ลูกสาวของเขาก็ทำงานทางด้านนี้ เมื่อปี 2011 ลูกสาวของนายเผิงจาวเดินทางไปถึงประเทศไทย เพื่อสอนภาษาจีนให้กับนักเรียนไทยเป็นเวลาหนึ่งปี พร้อมผูกมิตรกับนักเรียน นักธุรกิจและเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย หลังจากนั้นก็ได้เข้าทำงานในฐานะอาสาสมัคร นับเป็นความภาคภูมิใจยิ่งของเขา

ประเทศไทยเป็นประเทศสำคัญมากของอาเซียน และมีความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับกวางสีใกล้ชิดมาก เป็นหุ้นส่วนทางการค้าและการลงทุนที่สำคัญของกวางสี นายเผิงจาวแนะนำว่า เมื่อปี 2014 การค้าและการลงทุนทวิภาคีเติบโตอย่างรวดเร็ว มีมูลค่า 579 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17.8% เมื่อเทียบกับปี2013 จนถึงปลายปี 2014 ไทยมีโครงการการลงทุนที่กวางสี 125 โครงการ มูลค่าการลงทุน 279 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ประเทศไทยก็สนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียนและความร่วมมือในเขตเศรษฐกิจอ่าวเป่ยปูด้วย

เพราะฉะนั้น นายเผิงจาวเห็นว่า ยุทธศาสตร์ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" จะทำให้การติดต่อทั้งทางบกและทางทะเลสะดวกขึ้น การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ทางรถไฟความเร็วสูง การส่งเสริมการท่องเที่ยวทำให้ประเทศไทยดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนมากขึ้น นอกจากนี้ จีนก็ยินดีต้อนรับไทยมาลงทุน เป็นต้น

ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา นายเผิงจาว ในฐานะสมาชิกสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติ มุ่งส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับประเทศอาเซียน ข้อเสนอที่เขายื่นขึ้นมาก็ได้รับความสำคัญและการแก้ไขของรัฐบาล ระหว่างการประชุมสองสภาปีนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังกล่าวว่า เขตกวางสีควรส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศอาเซียน นายเผิงจาวคิดว่า ความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายมีศักยภาพมาก ไม่ว่าทางด้านเศรษฐกิจการค้า วัฒนธรรมและการศึกษา เป็นต้น ภายใต้กรอบ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ความสัมพันธ์สองฝ่ายย่อมจะยกระดับขึ้น ทำให้ประชาชนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประชาชนพื้นที่ชายแดน มีชีวิตดีขึ้น