วันนี้วันที่ 8 มีนาคม ในวันเดียวกันของเมื่อปี 1945 ทหารจีนได้บุกเข้าเมืองลาเฉียวของเมียนมาร์เอาชนะทหารญี่ปุ่นที่ยึดครองได้สำเร็จ

หลังเกิดสงครามมหาสมุทรแปซิฟิกแล้ว ทหารญี่ปุ่นรุกรานเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทางหลวงเตียนเหมี่ยน(ยูนนาน-พม่า)ที่เชื่อมต่อพื้นที่ภาคตะวันตกของยูนนานและภาคเหนือของพม่ากลายเป็นเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศเพียงสายเดียวของจีน เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ร่วมกัน จีนกับอังกฤษได้ลงนาม "ข้อตกลงเกี่ยวกับจีนกับอังกฤษร่วมกันป้องกันทางหลวงยูนนาน-เมียนมาร์" ธันวาคมปี 1941 จัดตั้งสหภาพทางการทหารจีน-อังกฤษขึ้น เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ปี 1942 ทหารจีนที่เดินทางไกลไปสู้รบที่เมียนมาร์เริ่มสงครามครั้งแรกหลังย่างเข้าสู่เมียนมาร์ แม้ว่าทหารจีนได้รับชัยชนะในสงครามป้องกันตองอูและเมืองเยนันยอง (Yenangyaung)ของเมียนมาร์ แต่ยังคงไม่สามารถยับยั้งการบุกรุกของทหารญี่ปุ่นได้ ดังนั้น ทหารจีนจึงแบ่งเป็นสองกองถอนตัวออกจากเมียนมาร์ ข้ามภูเขากลับสู่ยูนนาน ส่วนอีกกองหนึ่งเข้าสู่ดินแดนอินเดีย

เนื่องจากทางหลวงยูนนาน-เมียนมาร์ถูกทหารญี่ปุ่นตัดขาดลง ทำให้ทหารจีนได้รับการสนับสนุนทางการทหารจากประเทศภาคีลดน้อยลงอย่างมาก เพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลก๊กมิ่นตั๋งวางแผนบุกกลับผ่านทางหลวงยูนนาน-เมียนมาร์ เมื่อเดือนเมษายนปี 1943 จีน อังกฤษและสหรัฐอเมริกาได้บรรลุซึ่งแผนการร่วมกันสู้รบโจมตีกลับทางภาคตะวันตกยูนนานและภาคเหนือเมียนมาร์ เดือนเดียวกัน กองบัญชาการทหารเดินทางไกลของจีนจัดตั้งขึ้นที่จังหวัดปกครองตนเองชนชาติอี๋ ฉู่โสงของยูนนาน พลเอกเฉินเฉิงรับตำแหน่งผู้บัญชาการ รับผิดชอบการยึดคืนดินแดนที่ถูกญี่ปุ่นยึดครองในด้านตะวันตกของแม่น้ำนู่เจียง ขณะเดียวกัน ทหารจีนประจำการในอินเดียที่ประกอบด้วยกองทัพของพลเอกซุน ลี่เหรินและกองทัพอื่นได้สิ้นสุดการฝึกอบรม เข้ารับผิดชอบการโจมตีกลับในพื้นที่ภาคเหนือของเมียนมาร์ ก่อนหน้านั้น กองทหารสองกองดังกล่าวได้เปลี่ยนเป็นอาวุธสหรัฐฯ หมด จึงมีกำลังสู้รบเข้มแข็งยิ่งขึ้น ทำให้การสู้รบในเมียนมาร์ครั้งที่สอง ได้รับชัยชนะในสงครามหลายครั้ง เช่น สงครามซงซาน สงคราม Hukawng Valley และสงครามมิตจินา เมื่อวันที่ 28 มกราคมปี 1945 ได้นัดรวมพลกันที่มูเซ และเปิดทางหลวงจีน-อินเดียที่บุกเบิกใหม่

หลังการนัดรวมพลมูเซ ทหารจีนที่ประจำอยู่ในภาคตะวันตกของยูนนานเริ่มหันกลับมาร่วมสงครามต่อต้านญี่ปุ่นภายในประเทศ ส่วนทหารจีนที่ประจำอยู่ในอินเดียยังมุ่งไปยังเมืองลาเฉียว ทางภาคเหนือของเมียนมาร์ต่อไป วันที่ 11 กุมภาพันธ์ปี 1945 พลเอกซุน ลี่เหริน ผู้บัญชาการกองทัพใหม่ที่ 1 สั่งให้กองพลใหม่ที่ 30 และกรมที่ 112 บุกเข้าเมืองลาเฉียวตามทางหลวงยูนนาน-เมียนมาร์ จนกระทั่งวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ด้วยการสนับสนุนของกองทัพรถถัง ทำให้บุกเข้าเมืองทางด้านเหนือได้สำเร็จ ทหารญี่ปุ่นจึงจัดกองพลที่ 56 หน่วยร่วมที่ 148 และทหารปืนใหญ่รักษาเมืองรอบข้าง กองทัพส่วนสำคัญพร้อมรถศึก และทหารปืนใหญ่กองกำลังหลักได้เตรียมพร้อมรักษาเมืองลาเฉียวและฐานทัพสำคัญในบริเวณรอบๆ หมายจะทำการดิ้นรนเฮือกสุดท้าย พลเอกซุน ลี่เหรินสั่งการให้กองพลใหม่ที่ 28 บุกโจมตีจากด้านหน้า กองพลใหม่ที่ 30 และกรมที่ 112 สู้รบตามทางหลวง เพื่อโอบล้อมเมืองลาเฉียว เนื่องด้วยการสนับสนุนของเครื่องบินรบและรถถัง กองทัพใหม่ที่ 1 จึงยึดครองเมืองลาเฉียวเขตเก่าได้ในวันที่ 6 มีนาคม และในวันที่ 7 มีนาคมได้ยึดคืนสถานีรถไฟและสนามบิน วันที่ 8 มีนาคมยึดคืนเมืองลาเฉียวได้ทั้งหมดโดยสิ้นเชิง

หลังจากนั้น กองทัพใหม่ที่ 1 กับกองพลที่ 36 ของทหารร่วมอังกฤษและสหรัฐฯ ได้มารวมพลกันที่เมืองจ๊อกแม ทางด้านใต้ของเมืองลาเฉียว หลังปฏิบัติหน้าที่เรียบร้อยแล้ว ทหารจีนจึงเดินทางกลับสู่ประเทศ