สถานีวิทยุซีอาร์ไอรายงานว่า วันที่ 20 เมษายนนี้ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเจรจากับนายนาวาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถานที่กรุงอิสลามาบัด ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกัน พร้อมที่จะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับปากีสถานให้เป็นความสัมพันธ์ฉันหุ้นส่วนเพื่อความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ในทุกสถานการณ์ ทั้งสองประเทศจะร่วมกันพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน โดยเน้นพัฒนาโครงการสำคัญต่างๆ ตามระเบียงเศรษฐกิจนี้ เช่น โครงการพัฒนาท่าเรือกวาดาร์ (GWADAR PORT) โครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม พลังงาน และอุตสาหกรรม เพื่อให้ทั้งสองประเทศประสบความสำเร็จและพัฒนาร่วมกัน
หลังเสร็จสิ้นการเจรจา นายสี จิ้นผิง กล่าวกับสื่อมวลชนว่า นับเป็นครั้งแรกที่เขาเดินทางมาเยือนประเทศปากีสถาน การเยือนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะส่งเสริมมิตรสัมพันธ์ที่มีมาช้านาน ลงลึกความร่วมมือด้านต่างๆ และวางแผนกรอบความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับปากีสถานในระยะเวลา 5-10 ปีข้างหน้า การเจรจาครั้งนี้ได้ประสบความสำเร็จมาก โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า จะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับปากีสถานให้เป็นความสัมพันธ์ฉันหุ้นส่วนเพื่อความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ในทุกสถานการณ์ และให้ความเป็นหนึ่งเดียวที่มีชะตาร่วมระหว่างจีนกับปากีสถานมี ความหมายหลากหลายยิ่งขึ้น
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังกล่าวอีกว่า การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถานเกี่ยวพันกับผลประโยชน์และ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอดจนการพัฒนาในระยะยาวของทั้งสองประเทศอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ แผนพัฒนาจึงต้องพิจารณาและคำนึงถึงผลประโยชน์ของทุกฝ่าย และทุกพื้นที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจนี้เอื้อประโยชน์แก่ประชาชน ขณะนี้ มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือภายใต้โครงการระเบียงเศรษฐกิจนี้ รวมแล้วกว่า 30 ฉบับ สิ่งที่มีความชัดเจนอีกอย่างหนึ่งคือ ทั้งสองประเทศตกลงกันแล้วว่า จะวางแผนพัฒนาเส้นทางหลัก และเส้นทางตะวันตกของระเบียงเศรษฐกิจในระยะกลาง และระยะยาว เชื่อมั่นว่า การดำเนินตามแผนการข้างต้นนี้จะส่งผลให้การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจดำเนินไปอย่างรอบด้าน สมดุล และมั่นคง
ด้านนายนาวาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถานกล่าวว่า ระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถานไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อปากีสถาน และจีนเท่านั้น ยังเป็นประโยชน์ต่อทั่วภูมิภาคด้วย เพราะเป็นการสร้างโอกาสการลงทุนให้มากขึ้น และลดต้นทุนการค้าระหว่างจีนกับประเทศต่างๆในเอเชียใต้ เขายังแสดงความเชื่อมั่นว่า ระเบียงเศรษฐกิจนี้จะกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคนี้ด้วย (TOON/cai)