ภายใต้ยุคสมัยใหม่นี้ ประเทศเอเชีย-แอฟริการจะไม่หยุดอยู่แค่ความเป็นอิสระทางการเมืองเท่านั้น หากยังจะมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจมากขึ้นอีกขั้น นายจาง เสว์กัง รองผู้อำนวยการสถาบันเอเชียใต้-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา สถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมัยใหม่ของจีนระบุว่า
"สีสันประการใหญ่สุดของการประชุมผู้นำเอเชีย-แอฟริกาครั้งนี้คือ มุ่งความร่วมมือที่แท้จริงมากขึ้น ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเพิ่มการแลกเปลี่ยนและฉันทามติให้มากขั้น นอกจากจะมีการประกาศฉันทามติและแถลงการณ์ต่างๆ แล้ว ยังจะเดินหน้าโครงการความร่วมมือต่างๆ ให้บรรลุผลอย่างจริงจัง"
ระหว่างการประชุมผู้นำเอเชีย-แอฟริกาครั้งนี้ จะจัดประชุมสุดยอดธุรกิจเอเชีย-แอฟริกาครั้งที่ 2 นายสวี่ ลี่ผิง ผู้นำอวยการสถาบันวิจัยสังคมและวัฒนธรรมเอเชีย-แปซิฟิก สถาบันวิจัยยุทธศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิกกับโลก สภาวิทยาศาสตร์สังคมแห่งประเทศจีนระบุว่า
"มีความเป็นไปได้ที่การประชุมครั้งนี้จะประกาศตั้งศูนย์เอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งจะเป็นผลสำเร็จสำคัญที่สุดของการประชุมครั้งนี้ และยังมีความเป็นไปได้ที่จะให้การประชุมสุดยอดธุรกิจเอเชีย-แอฟริกาเป็นการประชุมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อนำฉันทามติของผู้นำเอเชีย-แอฟริกาไปปฏิบัติให้บรรลุผล และเอื้อประโยชน์แก่ประชาชนเอเชีย-แอฟริกามากขึ้น"
สำหรับความร่วมมือใต้กับใต้ที่เสนอขึ้นเป็นครั้งแรกในที่ประชุมบันดุงเมื่อ 60 ปีก่อนนั้น นายสวี่ ลี่ผิงระบุว่าความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานเป็นสีสันใหม่แห่งความร่วมมือระหว่างชาติเอเชีย-แอฟริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยุทธศาสตร์การสร้าง "1 แถบ 1 เส้นทาง" ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (เอไอไอบี) และกองทุนเส้นทางสายไหมที่จีนเสนอ จะเป็นหนทางหลักการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างใต้กับใต้ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์แก่ประเทศเอเชีย-แอฟริกามากขึ้น
(TOON/LING)