ญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ เคยปรับปรุงนโยบายดังกล่าวเมื่อปี 1997 แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นผู้ผลักดันและลงมือปรับปรุงนโยบาย เนื่องจากรัฐบาลอาเบะหมายจะยกเลิกข้อจำกัดการส่งทหารไปต่างประเทศ สร้างระบบใหม่ด้านการทหารและการรักษาความมั่นคงโดยเร็ว จึงชูธงพันธมิตรเข้าร่วมและแทรกแซงการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อทำให้ความทะเยอทะยานที่มุ่งสร้างญี่ปุ่นให้เป็นมหาประเทศกลายเป็นจริง
เดือนกรกฎาคมปี 2014 รัฐบาลอาเบะมีมติยกเลิกข้อห้ามใช้อำนาจส่วนรวมในการป้องกันตนเองด้วยการตีความใหม่รัฐธรรมนูญ เพื่อยกเลิกข้อจำกัดด้านกฎหมายต่อการส่งทหารไปต่างประเทศ หลังจากนั้น รัฐบาลอาเบะมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายด้านความมั่นคงหลายครั้ง และจะยื่นร่างกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมรวม 11 ฉบับซึ่งถูกพรรคฝ่ายค้านเรียกว่าเป็น"กฎหมายสงคราม"ต่อรัฐสภาในเดือนพฤษภาคมนี้
หากร่างกฎหมายเหล่านี้ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา นโยบายชี้นำความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศญี่ปุ่น-สหรัฐฯ ก็จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดกระบวนการปรับเปลี่ยนนโยบายรักษาความมั่นคงของรัฐบาลอาเบะ อันได้แก่ ยกเลิกข้อห้ามใช้อำนาจส่วนรวมในการป้องกันตนเอง บัญญัติกฎหมายอนุมัติการใช้อำนาจส่วนรวมในการป้องกันตนเอง ประกาศนโยบายชี้นำความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศญี่ปุ่น-สหรัฐฯ เพื่อรอโอกาสส่งทหารไปต่างประเทศ