สถานีวิทยุซีอาร์ไอรายงานว่า ตามคำเชิญของรัฐบาลสหรัฐฯ นายเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเดินทางเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 6 – 10 กรกฎาคม นับเป็นผู้นำสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามคนแรกที่ไปเยือนสหรัฐฯ ทำให้ "คู่แค้น" สุดรุนแรงที่มีมานาน 40 ปี แปลงตัวเป็น "มิตรใหม่" ในพริบตา นายเหวียน ฝู จ่องกล่าวที่สหรัฐฯว่า "นี่เป็นผลคืบหน้าอันยาวไกลที่อยู่เหนือการคาดหมายหากย้อนกลับไปยังเมื่อ 20 ปีก่อนหน้านี้" ความสำคัญที่สหรัฐฯ ให้กับเวียดนามนั้น สะท้อนให้เห็นว่าเวียดนามมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นทุกทีบนเวทีโลก ทว่า สื่อมวลชนต่างชาติจำนวนไม่น้อยกลับโฟกัสไปยังปัจจัยแท้ๆ ที่ทำให้เวียดนามกับสหรัฐฯ ต้องขยายความร่วมมือกัน รวมทั้งด้านการทหาร นั่นก็คือประเทศจีนเอง ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ความเห็นแบบนี้ของสื่อต่างชาติฟังดูไร้เหตุผลสิ้นดี
จังหวะการเยือนสหรัฐฯ ของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ตรงกับโอกาสครบรอบ 40 ปีการสิ้นสุดสงครามเวียดนาม-สหรัฐฯ และการครบรอบ 20 ปีการฟื้นฟูความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐฯ ให้เป็นปกติ เมื่อปี 1995 นายบิลล์ คลินตัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยนั้น ประกาศว่า ความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐฯ กลับสู่ภาวะปกติ หลังจากการพัฒนาเป็นเวลา 20 ปี ส่วนประกอบที่โดดเด่นที่สุดของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศย่อมเป็นความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้า ตั้งแต่เวียดนามกับสหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีแบบทวิภาคีเมื่อปี 2000 เป็นต้นมา ยอดมูลค่าการค้าของ 2 ประเทศเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยอดการค้าเวียดนาม-สหรัฐฯ เติบโตในระดับกว่า 20% ทุกปี เมื่อปี 2014 ยอดการค้าของ 2 ประเทศสูงถึง 36,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเกือบ 130 เท่าเมื่อเทียบกับเมื่อ 20 ปีก่อน ในจำนวนนี้ ยอดการส่งออกสู่สหรัฐฯ ของเวียดนามมากเป็น 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งหมดนี้ประกันให้เวียดนามยิ่งไม่สามารถถอนตัวออกห่างจากตลาดสหรัฐฯ
แต่ถ้าเปรียบเทียบกับยอดมูลค่าการเติบโตของการค้าเวียดนาม-จีนแล้ว ยอดมูลค่าเวียดนาม-สหรัฐฯ ดูเหมือน "ปลาเล็กเจอปลาใหญ่" โดยยอดมูลค่าการค้าเวียดนาม-จีนก้าวกระโดดจาก 32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อปี 1991 มาเป็น 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งตรงกับเป้าหมายที่กำหนดโดยผู้นำของ 2 ประเทศ เพิ่มขึ้นเกือบ 2000 เท่า ขณะเดียวกัน จีนครองที่นั่งเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของเวียดนามมาต่อเนื่องกันหลายปี เงื่อนไขด้านคมนาคมที่สะดวกสบายระหว่างเวียดนามกับจีน นับเป็นความได้เปรียบที่มิอาจเทียบเคียงได้สำหรับเวียดนามกับสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ห่างไกลกันสองฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ดังนั้น เวียดนามก็ยากที่จะสละสิทธิ์ในตลาดจีนเพื่อเข้าสู่อ้อมกอดของสหรัฐฯ
IN/FENG