เนื่องจากแต่ละฝ่ายมีข้อขัดแย้งมาก การประชุมรัฐมนตรีการคลังเขตยูโรโซนจึงไม่สามารถบรรลุความเห็นเป็นเอกฉันท์ตามกำหนดการประชุมในวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้ จนต้องจัดประชุมต่อในวันที่ 12 กรกฎาคม เพื่อหารือแผนการปฏิรูปฉบับใหม่ที่กรีซเป็นผู้ยื่น จากนั้นได้ยกเลิกการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรปเป็นการชั่วคราว โดยจัดประชุมสุดยอดเขตยูโรโซนแทน ซึ่งมี 19 ประเทศสมาชิกเข้าร่วม นอกจากนี้ นายโดนัลด์ ฟรานซิสเชก ประธานคณะมนตรียุโรปได้อำนวยการประชุมภายใน โดยมีนายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ นางแองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายฟรองซัวร์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเข้าร่วม
การประชุมดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการประชุมที่สำคัญที่สุดในการแก้วิกฤตหนี้สินกรีซ โดยเขตยูโรโซนได้ร่างแผนการปฏิรูปกรีซฉบับเพิ่มเติม ซึ่งมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการเก็บภาษี ระบบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และการแปลงเป็นระบบกรรมสิทธิ์ส่วนตัว เป็นต้น ทว่า แผนการปฏิรูปดังกล่าวถูกกรีซคัดค้าน โดยกรีซเห็นว่าแผนดังกล่าวมีความโหดร้ายกว่าฉบับก่อนๆ จึงไม่อาจรับได้ ทั้งนี้ได้ตั้งคำถามให้กับการเจรจาสองฝ่ายในอนาคต
ความจริงตั้งแต่ก่อนเปิดประชุมรัฐมนตรีการคลังเขตยูโรโซนเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมาก็สังเกตได้ว่า ภายในเขตยูโรโซนมีความขัดแย้งมากมายเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปกรีซ จนแทบจะทำให้มีความแตกแยกขึ้นมา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ขาดความไว้วางใจต่อกัน ตั้งแต่กรีซเดินออกจากโต๊ะการเจรจาโดยลำพังและยืนหยัดจัดการประชามติเป็นต้นมา ภายในเขตยูโรโซนก็มีความไม่พอใจและความไม่ไว้วางใจต่อกรีซมากขึ้นเหมือนเงาตามตัว
สถิติระบุว่า เวลานี้ประเทศที่ประสงค์จะรั้งกรีซให้อยู่ในเขตยูโรโซนต่อมีเพียง 4 ประเทศเท่านั้น ส่วนประเทศที่ต้องการให้กรีซออกจากเขตยูโรโซนมีมากถึง 9 ประเทศ อีก 5 ประเทศที่เหลือนั้นมีความลังเล อย่างไรก็ตาม ประเทศส่วนใหญ่เห็นว่า หากกรีซอยากจะกอบกู้ความไว้วางใจขึ้นใหม่ ก็ต้องเพิ่มข้อกำหนดในแผนการปฏิรูปอีกหลายข้อ ตามที่ระบุในแผนการปฏิรูปฉบับเพิ่มเติมที่เขตยูโรโซนเป็นผู้ร่าง มีเพียงเช่นนี้เขตยูโรโซนจึงจะเริ่มต้นการเจรจาว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือแก่กรีซได้
(YIM/LING)
