เว็บไซต์ นสพ. "ไทมส์" อังกฤษรายงานว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า ประวัติศาสตร์จะขอบคุณเขาที่พยายามเดินหน้ากระบวนการนิติบัญญัติในการส่งทหารไปประจำการและสู้รบในต่างแดน ซึ่งแม้จะมีข้อขัดแย้งก็ตาม
ทั้งนี้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในสิทธิของกองกำลังป้องกันตนเองและการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคง ได้สร้างข้อกังขาขึ้นในหมู่ประชาชนชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีผู้สนับสนุนไม่มาก แต่ผู้คัดค้านกลับมากขึ้นตลอด
มองในแง่รากฐานแล้ว ร่างกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงฉบับใหม่ไม่ได้มีขึ้นเพื่อทั่วโลก หากเพื่อสหรัฐอเมริกา นายชินโซ อาเบะมุ่งสานสัมพันธ์พันธมิตรญี่ปุ่น-สหรัฐฯ และปรับนโยบายประกันความมั่นคงของญี่ปุ่นเพื่อร่วมมือกับสหรัฐฯ ได้ดีขึ้น
ที่เห็นได้ชัดมากก็คือ ญี่ปุ่นจะรับใช้พันธมิตรทางการทหาร โดยจะแบกรับอำนาจหน้าที่มากกว่าเดิม และตอบสนองความต้องการของสหรัฐฯ ในการเดินหน้ายุทธศาสตร์ "สร้างสมดุลใหม่ในเอเชีย-แปซิฟิก" โดยไม่พิจารณาสิ่งที่มีความสำคัญของประเทศอื่นและเสถียรภาพของภูมิภาค
การกระทำที่เห็นแก่ผลประโยชน์ของกลุ่มและมองข้ามผลประโยชน์ของส่วนรวมนี้ ส่วนทางกับกระแสแห่งยุคสมัยที่มุ่งสันติภาพ การพัฒนา ความร่วมมือ และได้ประโยชน์ร่วมกัน ในอนาคต ทุกประเทศทั่วโลกจะหลอมรวมเป็นประชาคมที่มีชะตาเดียวกัน ดังนั้น พฤติกรรมของญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของสงครามเย็นจึงไม่เข้ากับกระแสหลักแห่งยุคสมัย เมื่อเป็นเช่นนี้ไฉนจึงจะเป็นประวัติศาสตร์ที่ได้รับการชื่นชมเล่า
(IN/LING)