ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีการประชุมรัฐมนตรีคลังจาก 12 ประเทศสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือ TPP ที่ฮาวายเป็นเวลา 4 วันเพื่อหารือปัญหาที่คั่งค้าง นี่เป็นการประชุม TPP ครั้งแรกหลังจากนายบารัค โอบามา ประธานาธบดีสหรัฐฯ ได้อนุมัติร่างกฎหมายอำนาจพิเศษในการเจรจาการค้าแบบเร่งด่วน (TPA) เมื่อเดือนที่แล้ว ทุกฝ่ายตกลงที่จะจัดแถลงข่าวในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้และประกาศผลการเจรจาลับ
ตามร่าง TPA รัฐสภาสหรัฐฯ มีสิทธิออกเสียงตกลงหรือปฏิเสธต่อข้อตกลงที่ทำไว้แล้ว แต่ไม่มีสิทธิ์พิจารณาและปรับปรุง ฉะนั้น ภายนอกมีความคาดหวังว่า การเจรจา TPP ครั้งนี้จะประสบผลคืบหน้าได้ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่นเคยกล่าวก่อนเดินทางถึงฮาวายว่า การประชุมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชะตากรรม TPP เพราะครั้งนี้อาจเป็นการเจรจาครั้งสุดท้าย
การเจรจา TPP มีความเป็นมากว่า 5 ปีแล้ว ทุกฝ่ายหวังว่าจะบรรลุข้อตกลงภายในสัปดาห์นี้ แต่นักวิเคราะห์เห็นว่า ในทั้งหมด 31 ด้านของ TPP นั้น มี 25 ด้านได้บรรลุซึ่งความเห็นพ้องต้องกันในเบื้องต้นแล้วหรือจะบรรลุข้อตกลงในการเจรจาระดับปฏิบัติการ แต่ยังมีข้อขัดข้องในด้านการอนุญาตเข้าตลาด การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ สิทธิทรัพย์สินทางปัญญา กำลังคน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและข้อพิพาทระหว่างนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น เพราะฉะนั้น การเจรจาระดับรัฐมนตรีครั้งนี้ยากเต็มที ยกตัวอย่างเช่น ในฐานะเป็น 2 ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงด้านภาษีสำหรับการนำเข้าผลิตผลทางการเกษตรและรถยนต์ ซึ่งจะกระทบต่อการเจรจา TPP ทั้งหมด นอกจากนี้ รัฐบาลแคนาดาจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ จึงชะลอการเปิดตลาดนมและเนื้อ ก็จะกระทบต่อความคาดหวังของภายนอกที่มีต่ออนาคตของ TPP
หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหรือต้องเลื่อนการเจรจาถึงปีหน้า อาจจะสร้างความไม่แน่นอนแก่ TPP มากขึ้น
(In/Cui)