ผู้ร่วมประชุมส่วนใหญ่มีความมั่นใจต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยมีความเห็นทั่วไปว่า สภาพเศรษฐกิจจีนที่น่าวางใจ แม้จะเกิดปัญหาบ้างในระหว่างกระบวนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ แต่สถานาการณ์ปัจจุบันที่การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกยังไม่พ้นเงาจากวิกฤตการเงินโลกนั้น จีนยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญให้เศรษฐกิจโลกเติบโตอย่างมั่นคง
ศาสตรจารย์หลิน อี้ฟู จากสถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งชาติมหาวิทยาลัยปักกิ่งกล่าวอย่างมั่นใจว่า เศรษฐกิจจีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโต 7% ได้
เขากล่าวว่า เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่จากวิกฤต ซึ่งก็ได้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะการส่งออก แต่ปัจจุบัน จีนกำลังดำเนินการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ มุ่งผลักดันการพัฒนาภายในประเทศ แม้จะมีปัญหากำลังผลิตมากเกินความต้องการบางอาชีพ แต่ด้วยความที่จีนเป็นประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลาง การอุปโภคและบริโภคมีศักยภาพการเติบใหญ่หลวง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและกระบวนการเป็นเมือง ล้วนเป็นโอกาสการเติบโต
เขายังกล่าวว่า สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างจีนกับประเทศพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนาก็คือ หนี้สาธารณะที่มีเพียง 40% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี มีเงินสำรองระหว่างประเทศกว่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และอัตราเงินฝากธนาคารของประชาชนที่ค่อนข้างมาก ด้วยเหตุนี้ จีนจึงยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตด้านการลงทุนในระดับที่สูงพอสมควร จึงสามารถทำให้รายได้ประชาชนมีเพิ่มมากขึ้น และส่งเสริมการเติบโตด้านการบริโภค
ศาสตรจารย์หลิน อี้ฟูกล่าวว่า พื้นฐานเศรษฐกิจจีนดังกล่าวคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาก นี่เป็นหลักประกันที่ทำให้เศรษฐกิจจีนพัฒนาไปอย่างมั่นคง
นายจาง เสี่ยวเฉียง รองผู้อำนวยการประจำศูนย์แลกเปลี่ยนเศรษฐกิจระหว่างประเทศจีนกล่าวว่า เศรษฐกิจจีนพัฒนาอย่างดี แต่ตลาดหุ้นกลับดำเนินไปในทิศทางตรงข้าม ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตลาดจีนที่มีประวัติศาสตร์เพียง 20 ปีนั้นยังไม่สมบูรณ์แบบ นักลงทุนและหน่วยงานกำกับดูแลล้วนต้องเรียนรู้ประสบการณ์ แต่การผันผวนของตลาดหุ้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจจีน
เขากล่าวว่า ขณะนี้ จีนกำลังเร่งกระบวนการเข้าดึงอินเตอร์เน็ต + และส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะเหล่าวัยรุ่นมีความคิดใหม่ๆ เพื่อนำไปใช้ในการก่อร่างสร้างตัว แนวคิดการปฏิรูปเหล่านี้จะผลักดันให้อุตสาหกรรมด้านต่างๆ พัฒนาเร็วยิ่งขึ้น โดยจะนำมาซึ่งการเติบโต โอกาสการมีงานทำและการบริโภคเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ จึงเป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจจีน
นายจู หมิน รองประธานกรรมการกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟแสดงความคิดเห็นว่า ตลาดหุ้นมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนน้อยมาก ไม่ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตด้วยอัตรา 7% หรือ 6% แต่ตัวเลขนั้นคงไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคืออุตสาหกรรมภาคบริการของจีนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โอกาสการมีงานทำเพิ่มมากขึ้น แนวโน้มเศรษฐกิจกำลังขับเคลื่อนให้จีนเข้าสู่สมดุล นี่เป็นกระบวนการการปรับปรุงที่สมเหตุสมผลและถูกต้อง
เขากล่าวว่า ปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจจีนคือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยเปลี่ยนจากเดิมที่ถือการส่งออกเป็นหลักมาเป็นอาศัยการอุปโภคบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก ด้วยการนี้ กำลังขับเคลื่อนแต่ก่อนจะอ่อนตัวลง แต่กำลังขับเคลื่อนใหม่จะเข้มแข็งขึ้น จีนต้องการเศรษฐกิจที่การตลาดมีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น การสร้างนวตกรรมที่ดียิ่งขึ้น กำลังผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น เพื่อเดินสู่หนทางการพัฒนาที่ยั่งยืน (Doon/Lin)
