นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนจะเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในวันที่ 22 กันยายนนี้ สื่อมวลชนต่างให้ความสนใจในระดับสูงต่อกรณีนี้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งจีนและต่างประเทศมีความเห็นโดยทั่วไปว่า การที่จีน-สหรัฐฯ มีข้อขัดแย้งกันดำรงอยู่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สองฝ่ายสามารถที่จะควบคุมข้อขัดแย้งและเพิ่มความเชื่อมั่นโดยผ่านการหารือ รวมทั้งแสดงบทบาทมากยิ่งขึ้นในการรับมือกับสภาพภูมิอากาศและแก้ไขการปะทะส่วนภูมิภาค บนพื้นฐานที่ขยายผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย
ความมั่นคงทางไซเบอร์ ปัญหาทะเลหนานไห่ (ทะเลจีนใต้) และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ล้วนจะเป็นประเด็นสำคัญในการเยือนสหรัฐฯ ครั้งนี้ของนายสี จิ้นผิง นายWang Gungwu ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์เห็นว่า การที่สหรัฐฯ เข้าข้างฝ่ายอื่นๆ ในปัญหาทะเลหนานไห่แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ มีความกังวลต่อการพัฒนากำลังทหารเรือ ซึ่งเป็นการวินิจฉัยที่ผิดพลาด สองฝ่ายควรเสริมสร้างความเชื่อถือกัน และต้องพิจารณาปัญหาในแง่มุมของฝ่ายตรงกันข้าม
นายRobert O.Keohane ศ.มหาวิทยาลัยPrinceton ของสหรัฐฯ เห็นว่า หากจีน-สหรัฐฯสามารถที่จะรับมือกับสถานการณ์ใหม่ ย่อมจะมีส่วนช่วยต่อความร่วมมือของสองฝ่าย
ในฐานะเป็นประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาแล้วที่ใหญ่ที่สุด ความร่วมมือระหว่างจีน-สหรัฐฯ จะส่งผลกระทบอันลึกซึ้งยาวไกลต่อการพัฒนาของโลก นายRobert O.Keohaneระบุว่า หวังว่า จีน-สหรัฐฯ จะบรรลุความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสำคัญ เพราะความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ มีความสำคัญยิ่งต่อทั้งสองฝ่าย ถึงแม้มีความเห็นที่ต่างกันมากในปัญหาต่างๆ แต่สองฝ่ายควรให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศพัฒนาไปตามทิศทางที่มีความมั่นคงและในทางบวก โดยเฉพาะต้องผ่อนคลายความตึงเครียดในปัญหาทางทหาร หวังว่า จีน-สหรัฐฯ จะดำเนินความร่วมมืออย่างจริงจังในการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และวางโครงการที่สามารถปฏิบัติได้
ศ.ร.เจี่ย ชิ่งกั๋ว ผู้อำนวยการสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่งระบุว่า จีน-สหรัฐฯ ต่างมีช่องว่างแห่งความร่วมมือในด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ เศรษฐกิจโลกาภิวัตน์ และหลีกเลี่ยงการวินิจฉัยสถานการณ์ทางทหารอย่างผิดพลาด หากบรรลุความเห็นเป็นเอกฉันท์ได้ ก็จะมีส่วนช่วยต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ในอนาคตของสองประเทศ