รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามระบุในที่ประชุมแถลงข่าวเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า เวียดนามจะปฏิบัติตามข้อตกลงทีพีพีทุกข้อ เมื่อทีพีพีมีผลบังคับใช้แล้ว การส่งออกสิ่งทอและเสื้อผ้าของเวียดนามจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะมีส่วนช่วยสร้างตำแหน่งงานแก่เวียดนาม
เมื่อทีพีพีมีผลบังคับใช้แล้ว อัตราภาษีศุลกากรสำหรับสิ่งทอและเสื้อผ้าเวียดนามที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ จะลดลงจากร้อยละ 17.5 ในเวลานี้เหลือเป็น 0 คาดว่าจะช่วยให้เวียดนามส่งออกสิ่งทอและเสื้อผ้าไปยังประเทศภาคีทีพีพีเพิ่มขึ้น 1 เท่า โดยส่วนที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ จะมีวงเงิน 55,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและนโยบายเวียดนามระบุว่า ทีพีพีจะช่วยกระตุ้นจีดีพีเวียดนามให้ขยายตัวเร็วขึ้น 1-2 เปอร์เซ็นต์ โดยจะกระตุ้นการลงทุนขยายตัวร้อยละ 9.2 ภาคการบริโภคเพิ่มขึ้น 6,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าถึงปี 2025 กิจการสิ่งทอและเสื้อผ้าจะช่วยสร้างตำแหน่งงานใหม่จำนวน 6,000,000 ตำแหน่ง
นักเศรษฐศาสตร์เวียดนามหลายคนเห็นว่า การบรรลุการเจรจาทีพีพี จะเป็นผลดีต่อการปฏิรูปและพัฒนาเศรษฐกิจเวียดนาม คือ หนึ่ง เป็นผลดีต่อการส่งออกของเวียดนาม เวลานี้ ยอดจีดีพีประเทศภาคีทีพีพีคิดเป็นร้อยละ 40 ของโลก ยอดการค้าเป็นร้อยละ 30 ประเทศภาคีส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีการใช้จ่ายมากระดับโลก อุปสงค์ทางตลาดมีมหาศาล สอง เป็นผลดีต่อการรับทุนต่างชาติมาลงทุนโดยตรงในเวียดนามมากขึ้น และสาม เป็นผลดีต่อการปฏิรูประบบของเวียดนาม ช่วยสร้างบรรยากาศการทำธุรกิจที่มีความโปร่งใสมากขึ้น และเพิ่มกำลังการแข่งขันของประเทศชาติให้สูงขึ้น
ส่วนความท้าทายใหม่ๆ ที่ตามมาจากข้อตกลงทีพีพีนั้น เวียดนามจะเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ นานา เช่น กำแพงกีดกันด้านเทคโนโลยี รายได้การคลังลดน้อยลง การแข่งขันตลาดภายในร้อนแรง การคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา การคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของแรงงาน และการสร้างระบบกฎหมายให้สมบูรณ์ขึ้น เป็นต้น
(YIM/LING)