เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กระทรวงเคหะและการพัฒนาเมืองและชนบทจีนระบุที่กรุงปักกิ่งว่า จะวางแผนเร่งพัฒนาเมืองแบบฟองน้ำ ทำให้เมืองและตำบลของจีนมีสรรมถนะในการซึมซับและระบายน้ำฝน สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและรับมือกับภัยธรรมชาติอย่างยืดหยุ่น ต่อไปในอนาคต น้ำฝนร้อยละ 70 มีหวังจะถูกเก็บกักและใช้ให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่นั้นๆ รัฐบาลสนับสนุนทุนจากสังคมเข้าร่วมการก่อสร้างและการประกอบการที่เกี่ยวข้อง

ช่วงปีหลังหลังมานี้ เมื่อถึงฤดูน้ำป่าไหลหลาก ก็มีข่าวเกี่ยวกับน้ำท่วมในตัวเมืองเป็นจำนวนมาก ตามสถิติระบุว่า เมืองมากกว่าร้อยละ 60 ของจีนล้วนเคยเกิดน้ำท่วมขัง กรุงปักกิ่งและนครเซี่ยงไฮ้ที่เป็นเมืองใหญ่ก็ไม่มีข้อแม้ ปัญหาน้ำท่วมเป็นเพียงปรากฏการณ์อย่างหนึ่งของโรคร้ายในเมืองเท่านั้น การเร่งพัฒนาความเป็นเมืองอย่างรวดเร็วได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างของระบบนิเวศทางธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว ทำให้เมืองเมื่อมีฝนก็เกิดน้ำท่วม ไม่มีฝนก็เกิดภัยแล้ง ทั้งนี้ได้นำมาซึ่งปัญหาต่างๆ เช่น ระบบนิเวศทางน้ำเลวร้ายลง การขาดแคลนทรัพยากรน้ำและระบบน้ำเป็นมลภาวะ เป็นต้น เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมของคณะรัฐมนตรีจีนเสนอว่า จะสร้างเมืองแบบฟองน้ำที่สามารถเก็บกักและจัดการน้ำฝนให้สะอาด โดยจะแสดงบทบาทในการเก็บน้ำฝนของลักษณะภูมิประเทศดั้งเดิม และแสดงบทบาทในการซึมซับน้ำฝนของพื้นดินทางธรรมชาติ รวมทั้งแสดงบทบาทขจัดน้ำให้สะอาดของพืช เนื้อดิน และพื้นที่ชุ่มน้ำ ทำให้เมืองมีสมรรถนะในการรับและระบายน้ำเช่นเดียวกับฟองน้ำ สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและรับมือกับภัยธรรมชาติอย่างยืดหยุ่น

ในที่ประชุมประจำของสำนักงานสารนิเทศของคณะรัฐมนตรีจีนที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา นายลู่ เค่อหัว รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเคหะและการพัฒนาเมืองและชนบทจีนระบุว่า การผลักดันการสร้างเมืองแบบฟองน้ำ หมายถึงต้องปรับเปลี่ยนแนวความคิดในการวางแผนพัฒนาเมือง ทั้งนี้จะยกระดับสมรรถนะของเมืองให้สูงขึ้น รัฐบาลก็ได้ตั้งเป้าหมายและตารางเวลาไว้ว่า การพัฒนาเมืองแบบฟองน้ำจะทำให้น้ำฝนร้อยละ 70 ถูกเก็บกักและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่นั้นๆ และจนถึงปี 2020 ตัวเมืองต้องมีพื้นที่มากกว่าร้อยละ 20 บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และจนถึงปี 2030 จะเพิ่มเป็นมากกว่าร้อยละ 80