หนังสือพิมพ์เหรินหมินรื่อเป้ารายงานว่า ระหว่างวันที่ 5 – 7 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนจะนำคณะเยือนเวียดนามและสิงคโปร์อย่างเป็นทางการตามคำเชิญ แวดวงต่างๆ ของสองประเทศเอเชียพากันแสดงความปรารถนาต้อนรับประธานาธิบดีจีนไปเยือน นักวิเคราะห์ว่า การเยือนเวียดนามกับสิงคโปร์ของนายสี จิ้นผิงในครั้งนี้ จะสะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาที่จีนกับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะร่วมสร้างอนาคตอันสดใส และย่อมผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสองประเทศนี้ก้าวขึ้นสู่ระดับใหม่

จีนกับเวียดนามเป็นเพื่อนบ้านที่สำคัญ สองฝ่ายมีระบอบการเมืองเหมือนกัน หนทางการพัฒนาคล้ายคลึงกัน อนาคตและชะตากรรมเกี่ยวข้องกัน การพัฒนาของประเทศตนเอง ย่อมเป็นโอกาสของอีกฝ่าย ในช่วง 65 ปีหลังจีนกับเวียดนามสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ประชาชนสองประเทศให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือต่อกันในกระบวนการช่วงชิงการปลดแอกของชนชาติ เดินหน้าการปฏิรูปสังคมนิยม และการพัฒนาสร้างสรรค์ ขณะนี้ วงการต่างๆ ของเวียดนามเตรียมพร้อมสำหรับต้อนผู้นำสูงสุดของจีน นายปุ่ย ห่ม ฟุก อุปนายกสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-จีน อดีตเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำจีน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หวังว่า การเยือนเวียดนามของนายสิ จิ้นผิง จะทำให้สองพรรค สองประเทศเพิ่มพูนความเชื่อถือทางการเมืองขึ้นอีกขั้น สงเสริมสถานการณ์ความสัมพันธ์ที่สันติมั่นคง และความร่วมมือฉันมิตร ต่อไปในอนาคต เวียดนามกับจีนจะร่วมรักษาสันติภาพและความมั่นคงภายในภูมิภาค

ปีนี้ครบรอบ 25 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์จีน-สิงคโปร์ ความสัมพันธ์สองประเทศพัฒนาแบบก้าวกระโดด ความร่วมมือทวิภาคีมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ รวดเร็วกว่ากาลเวลา และสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีของความสัมพันธ์ทวิภาคีในกรอบจีน-อาเซียน เมื่อเดือนกรกฎาคม นายสี จิ้นผิงกล่าวขณะพบเจรจากับนายโทนี ตัน เค็ง ยับ ประธานาธิบดีสิงคโปร์ที่กรุงปักกิ่งว่า จีนกับสิงคโปร์ควรกระชับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในระดับยุทธศาสตร์ สร้างความไว้วางใจทางการเมืองให้เข้มแข็ง ให้เป็นหลักประกันของความร่วมมือทวิภาคีที่มุ่งให้ได้ผลแท้จริง

นายเจิ้ง หย่งเหนียน ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยเอเชียตะวันออก มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า จากนิคมอุตสาหกรรมซูโจวสู่เมืองนิเวศเทียนจิน จากคณะกรรมการร่วมของความร่วมมือทวิภาคีสิงคโปร์-จีนสู่คณะมนตรีเศรษฐกิจการค้าสิงคโปร์ใน 7 มณฑลและนครของจีน ความร่วมมือสิงคโปร์-จีนเดินหน้าตามกลไกการพัฒนาที่มีเอกลักษณ์ของสองประเทศ ถึงแม้สองประเทศมีพื้นที่ จำนวนประชากร และระบบสังคมที่แตกต่างกันมาก แต่จะไม่เป็นขัดขวางทารการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกัน

IN/FENG