รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า การเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีจีนประสบผลสำเร็จดียิ่ง ซึ่งสามารถสรุปได้เป็น 5 ประเด็นสำคัญดังนี้คือ หนึ่ง สองฝ่ายเน้นย้ำว่าควรกระชับความร่วมมือระหว่างสองพรรคให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป ดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างสองพรรคให้ดี สอง เพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศระหว่างสองประเทศให้มากขึ้น รักษาการไปมาหาสู่กันระหว่างผู้นำระดับสูงของสองกองทัพ ขยายความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง สาม ให้ยุทธศาสตร์การพัฒนาของสองประเทศ เช่น ข้อริเริ่ม "1 แถบ 1 เส้นทาง" กับ แผน "2 ระเบียง 1 วง" เชื่อมถึงกันมากขึ้น โดยจะกระชับความร่วมมือที่ได้ผลจริงด้านต่างๆ ระหว่างสองประเทศให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงด้านการค้า การลงทุนต่อกัน และเขตเศรษฐกิจข้ามแดน และสี่ เพิ่มความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การศึกษา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวให้มากขึ้น และห้า เพิ่มการจัดการ การป้องกัน และพัฒนาพื้นที่ชายแดนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนยังระบุด้วยว่า ระหว่างการเยือน ผู้นำทั้งสองยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีแบบสหายเกี่ยวกับการจัดการข้อพิพาทต่างๆ ระหว่างกัน และบรรลุฉันทามติสำคัญๆ ได้แก่ หนึ่ง สองฝ่ายเห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะแก้ไขข้อพิพาททางทะเลด้วยการเจรจา ปฏิบัติตามข้อตกลงว่าด้วยหลักการพื้นฐานในการแก้ปัญหาทางทะเลระหว่างจีนกับเวียดนาม ใช้ประโยชน์จากกลไกลการเจรจาภาครัฐว่าด้วยหลักเขตแดนจีน-เวียดนาม กำหนดแนวทางแก้ไขเบื้องต้นและระยะยาวที่สองฝ่ายต่างรับได้ ร่วมหารือการพัฒนาด้วยกันอย่างจริงจัง สอง สองฝ่ายประกาศจะเริ่มดำเนินโครงการสำรวจทางทะเลบริเวณน่านน้ำนอกปากอ่าวเป่ยปู้กลางเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นมาตรการที่เป็นจริงประการหนึ่งของสองประเทศในการเริ่มดำเนินโครงการความร่วมมือทางทะเล และสาม สองฝ่ายรับรองอีกครั้งว่า จะร่วมกันควบคุมข้อพิพาททางทะเล ปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคในทะเลจีนใต้ให้บรรลุผลทุกด้าน เห็นชอบที่จะผลักดันให้จีนกับประเทศอาเซียนร่วมกันร่าง "ระเบียบปฏิบัติในทะเลจีนใต้" โดยเร็ว เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของทะเลจีนใต้ สองฝ่ายเห็นตรงกันว่า แต่ละฝ่ายจะไม่ควรใช้ปฏิบัติการใดๆ ที่จะทำให้ข้อพิพาทมีความสลับซับซ้อนและรุนแรงขึ้น ทั้งควรจัดการปัญหาที่มีความสลับซับซ้อนและความละเอียดอ่อนอย่างเหมาะสมและทันกาล
(TOON/LING)