นายสี จิ้นผิงกล่าวว่า วันนี้เป็นวันพิเศษจริงๆ เพราะเป็นวันที่ผู้นำสองฝั่งพบกัน นับเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ซึ่งจะได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน ช่วง 7 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ในสองฝั่งช่องแคบไต้หวันมีสันติภาพและเสถียรภาพ การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งได้ประสบความสำเร็จมากมาย ทางการและพี่น้องร่วมชาติระหว่างสองฝั่งได้ทุ่มเทกำลังเพื่อการนี้อย่างมาก ด้วยผลสำเร็จดังกล่าวนี้เอง ทำให้ความสัมพันธ์สองฝั่งสามารถก้าวไปข้างหน้าก้าวสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ในวันนี้
นายสี จิ้นผิง ยังกล่าวอีกว่า กระบวนการพัฒนาความสัมพันธ์สองฝั่งในช่วง 66 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าพี่น้องร่วมชาติจะต้องผ่านลมฝนมามากเท่าใด และจะถูกตัดขาดความสัมพันธ์มาเป็นเวลานานแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่มีอิทธิพลใดสามารถแยกประชาชนสองฝั่งให้ห่างเหินกันตลอดไปได้ ขณะนี้ กำลังอยู่ในช่วงที่จะต้องเลือกทิศทางและหนทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่ง ทั้งสองฝ่ายต้องเรียนรู้ประสบการณ์จากกระบวนการพัฒนาความสัมพันธ์สองฝั่งในช่วงที่ผ่านมา เลือกทิศทางและหนทางการพัฒนาความสัมพันธ์สองฝั่งที่ถูกต้อง มีความรับผิดชอบต่อประชาชาติ และประวัติศาสตร์ สามารถผ่านการทดสอบจากประวัติศาสตร์ได้
นายสี จิ้นผิงเน้นว่า วันนี้ เราพบกันที่นี่ ก็เพื่อไม่ซ้ำรอยประวัติศาสตร์ที่น่าเศร้า ไม่ให้ผลสำเร็จในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งที่เคยได้รับมาแล้วสูญหายไป รวมทั้งให้พี่น้องร่วมชาติสองฝั่งมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีความสงบสุข ให้ลูกหลานของเรามีอนาคตที่ดีงาม ภายใต้สถานการณ์ใหม่ และบนจุดเริ่มต้นใหม่แห่งการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่ง ทั้งสองฝั่งจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชาติทั้งปวง ต้องก้าวตามฝีเท้าแห่งยุคสมัย ร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งอย่างสันติ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติจีนอีกครั้ง
เพื่อการนี้ นายสี จิ้นผิง เสนอข้อเสนอ 4 ประการดังนี้คือ ประการแรก ยืนหยัดในพื้นฐานทางการเมืองที่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ อย่างไม่หวั่นไหว ประการที่สอง เสริมสร้างและลงลึกการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งอย่างสันติ ประการที่สาม สร้างความผาสุกให้แก่พี่น้องร่วมชาติสองฝั่งให้มากขึ้น และประการสุดท้าย ทั้งสองฝั่งร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อบรรลุความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติจีนอีกครั้ง
ด้านนายหม่า อิงจิ่ว กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา ผู้นำทั้งสองฝั่งร่วมกันใช้ความพยายาม ทำให้สถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันมีสันติภาพและเสถียรภาพ ซึ่งได้รับการชื่นชมจากประชาชนทั้งสองฝั่งและประชาคมโลกอย่างมาก ทั้งสองฝั่งต้องทะนุถนอมความสำเร็จที่ได้มาเหล่านี้ โดยมี"ข้อตกลงปี 1992 " เป็นพื้นฐานทางการเมืองที่ทำให้สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งอย่างสันติได้ ทั้งสองฝั่งจึงต้องยึดมั่นใน "ข้อตกลงปี 1992 " ต่อไปอีก รวมทั้งต้องขยายและลงลึกการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์กัน และได้ชัยชนะร่วมกัน ต้องเพิ่มพูนความเข้าใจระหว่างกัน เพื่อให้ประชาชนทั้งสองฝั่งเกิดความรู้สึกที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น รวมทั้งแสดงให้ประชาคมโลกเห็นว่า ทั่งสองฝั่งช่องแคบไต้หวันสามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเองโดยสันติวิธีได้ ด้วยมูลเหตุเหล่านี้ จึงอยากเห็นทั้งสองฝั่งร่วมแรงร่วมใจกันมากขึ้น เพื่อสร้างอนาคตที่ดีงามยิ่งขึ้นให้แก่ชนรุ่นหลัง
(YIM/cai )