นายหรู่ ซิ่น ผู้อำนวยการศูนย์อารยธรรมโลกศึกษาสภาสังคมศาสตร์จีน ซึ่งเป็นฝ่ายจัดสัมมนากล่าวว่า เส้นทางสายไหมเคยสร้างความรุ่งโรจน์ในประวัติศาสตร์ เชื่อว่าในยุคปัจจุบันและอนาคตก็จะสร้างความรุ่งโรจน์ต่อไปเรื่อยๆ
ผู้ร่วมสัมมนาได้ทบทวนประวัติการไปมาหาสู่ระหว่างจีนกับภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชียใต้ บทบาทของเส้นทางสายไหมต่อการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัตถุระหว่างภูมิภาคที่มีความแตกต่างกันทางอารยธรรม การเปรียบเทียบวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ ตามเส้นทางสายไหม ตลอดจนมุมมองอื่นๆ โดยเห็นว่า การเชื่อมโยงกันทางวัฒนธรรมเ็ป็นพื้นฐานของการสร้างความเข้าใจและเชื่อถือกันระหว่างอารยธรรมที่ต่างกัน ดังนั้น การสร้างสรรค์ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ควรเริ่มจากการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม