หนังสือพิมพ์เหลียนเหอเจ่าเป้าสิงคโปร์ฉบับวันที่ 10 ธันวาคมได้ตีพิมพ์บทความของนายสวี ปู้ เอกอัครราชทูตจีนประจำอาเซียนเรื่อง "ฐานะการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนกับการพัฒนาอย่างสันติของเอเชียตะวันออก"
บทความระบุว่า การสร้าง "ประชาคมร่วมอาเซียน" อย่างเป็นทางการในสิ้นปีนี้นั้นเป็นสิ่งใหม่ที่มีความสำคัญในการพัฒนาของอาเซียน จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อฐานะการเป็นศูนย์กลางในกิจการภูมิภาคของอาเซียน ซึ่งเป็นที่สนใจเป็นอย่างมาก
ฐานะการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนเป็นหลักการที่ยืนหยัดมาตลอดเวลานับตั้งแต่อาเซียนจัดตั้งขึ้น ประเทศสมาชิกอาเซียนมี "รูปแบบอาเซียน" ที่เคารพซึ่งกันและกัน ปรึกษาหารือกัน ให้ความสำคัญต่อความสบายใจของฝ่ายต่างๆ ซึ่งได้ก่อรูปขึ้นระหว่างกระบวนการความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้กลายเป็นหลักการสำคัญในการผลักดันความร่วมมือของภูมิภาคเอเชียตะวันออก ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากประเทศภายในและนอกภูมิภาค มีความหมายสำคัญต่อการรักษาสันติภาพ ความมั่นคงและการพัฒนาของภูมิภาค
การสร้าง "ประชาคมอาเซียน" มีส่วนช่วยรักษาฐานะการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในความร่วมมือภูมิภาค บทวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า หลังสร้างประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนขึ้นแล้ว คาดว่าอัตราเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียนจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณร้อยละ 7 ถึงปี 2020 ยอดจีดีพีอาเซียนจะเพิ่มจาก 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 4.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จากอันดับที่ 7 ของโลกเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ถึงปี 2030 ชนชั้นกลางของอาเซียนจะเพิ่มขึ้น 1 เท่า เป็น 163 ล้านคน ส่วนเงินทุนต่างชาติที่อาเซียนได้รับนั้นก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน ภายในกรอบประชาคมอาเซียน ระดับการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันด้านต่างๆ ของประเทศอาเซียน เช่น ความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมสังคมจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาเซียนในฐานะที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกันจะมีเสียงดังขึ้นในเวทีความร่วมมือภูมิภาคด้วย
(In/zheng)