วันที่ 27 ธันวาคมนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 12 มีมติผ่านกฎหมายว่าด้วยการต่อต้านก่อการร้าย โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี 2016
กฎหมายฉบับนี้ระบุอย่างชัดเจนว่า จีนต่อต้านการก่อการร้ายทุกรูปแบบ จะปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายตามกฎหมาย จะลงโทษผู้ริเริ่ม วางแผน และปฏิบัติการก่อการร้าย ลงโทษผู้ยุยง ปลุกปั่นการก่อการร้าย ลงโทษผู้ก่อตั้ง หรือมีบทบาทนำ หรือมีส่วนร่วมในกลุ่มก่อการร้าย อีกทั้งผู้ที่สนับสนุนปฏิบัติการก่อการร้ายด้วย
ปีหลังๆ นี้ เนื่องจากปฏิบัติการก่อการร้ายเกิดขึ้นที่ต่างประเทศบ่อยครั้ง กลุ่มขบวนการอิสลามแห่งเตอร์กิสถานตะวันออก ยุยงปลุกปั่นการก่อการร้ายทั้งในจีนและต่างประเทศ ทำให้จีนเผชิญกับความเสี่ยงต่อภัยคุกคามจากการก่อการร้ายมากขึ้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จีนจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องออกกฎหมายว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย นายอัน เว่ยซิง รองผู้อำนวยการสำนักงานต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ อธิบดีกรมการต่อต้านการก่อการร้าย กระทรวงสันติบาลของจีนกล่าวว่า จีนร่างกฎหมายว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายบนพื้นฐานที่ได้ศึกษาประสบการณ์ในการป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายทั้งในประเทศและต่างประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การออกกฎหมายฉบับนี้ทำให้จีนสามารถปฏิบัติตามกฎหมายและมีหลักประกันในการต่อต้านการก่อการร้าย การรักษาความมั่นคงแห่งชาติ การปกป้องความปลอดภัยสาธารณะ ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อต้านการก่อการร้าย
ตามกฎหมายฉบับนี้ จีนจะจัดตั้งหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้าย เพื่อทำหน้าที่ดูแลกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านก่อการร้าย กฎหมายยังระบุว่า ทุกภาคส่วนในสังคม และทุกคนมีพันธะที่จะต้องช่วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินปฏิบัติการ ต่อต้านการก่อการร้าย ไม่ว่าใครก็ตาม หากพบเบาะแสใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย หรือผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย ต้องรีบแจ้งให้องค์การสันติบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ
ระหว่างบัญญัติกฎหมายฉบับนี้ บางประเทศ เช่นสหรัฐฯ เคยแสดงความกังวลต่อมาตราที่ว่า บริษัทโทรคมนาคม และบริษัทอินเตอร์เน็ตต้องให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี เพื่อดำเนินการต่อต้านการก่อการร้าย โดยอ้างว่า มาตรานี้อาจส่งผลกระทบต่อกิจการการค้าและการลงทุน และจำกัดเสรีภาพในการพูด การนับถือศาสนา ต่อการนี้ นายหลี โซ่วเหว่ย รองประธานคณะกรรมธิการด้านกฎหมาย ของคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนกล่าวว่า
ในประเด็นต่อต้านการก่อการร้ายทางไซเบอร์ จากประสบการณ์ของหลายๆ ประเทศ ด้านหนึ่ง ต้องปรับปรุงมาตรการต่างๆ ให้มีความสมบูรณ์ขึ้น ทำให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายมีอำนาจที่จำเป็น อีกด้านหนึ่ง ผู้ประกอบการบริษัทโทรคมนาคม และบริษัทอินเตอร์เน็ตต้องมีความรับผิดชอบทางสังคม จากการประเมินผลกระทบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น สรุปได้ว่า ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องในกฎหมายฉบับนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกิจการ ประกอบการ ไม่ละเมิดสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทเหล่านี้ และไม่ได้จำกัดเสรีภาพในการพูด และการนับถือศาสนาของพลเมือง
(YIM/cai )
