หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้ารายงานว่า เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์นิตยสาร Forbes สหรัฐฯ เผยสถิติจากบริษัทวิเคราะห์การตลาด Kantar ระบุว่า ผู้บริโภคจีนถึงกว่า 41% ที่ตอบแบบสำรวจพร้อมจะจ่ายเงินอย่างน้อย 32,200 เหรียญสหรัฐซื้อรถยนตร์คันใหม่ ในขณะที่อัตราส่วนนี้ในเยอรมนีมีแค่ 14% อังกฤษ และออสเตรเลีย 10% สเปน 5% และฝรั่งเศสเพียง 4% เท่านั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้บริโภคจีนต่อเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง แนวโน้มการบริโภครูปแบบใหม่ๆ นับวันยิ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อโครงสร้างเศรษฐกิจ

ยกตัวอย่างเช่นจีน ในสามไตรมาสแรกปีที่แล้ว อุตสาหกรรมภาคการบริการคิดเป็น 51.4% ของจีดีพี หรือยอดการผลิตภายในประเทศทั้งหมดของจีน การเติบโตของเศรษฐกิจกว่า 58.4% มาจากการบริโภคส่งผลให้กลายเป็นแรงกระตุ้นหลักในการเติบโตของจีดีพีทั้งหมดไปโดยปริยาย ยอดจำหน่ายค้าปลีกผ่านอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 36.2% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันกับของปี 2014 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายนปี 2015 การเติบโตภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้น 10.4% ในขณะที่อุตสาหกรรมแบบเก่าเพิ่มขึ้นเพียง 6.3% แนวความคิด "อินเตอร์เน็ตพลัส" ทำให้การค้าขายสิ่งของผ่านอินเตอร์เน็ตพัฒนาเป็นการซื้อขายบริการผ่านอินเตอร์เน็ตมากขึ้นอย่างรวดเร็ว กล่าวได้ว่า ทฤษฎี "เศรฐกิจใหม่" ที่มีมากว่า 20 ปีนั้น ได้ขยายวงกว้างและมีเนื้อหาครอบคลุมมากขึ้นเรื่อยๆ จนนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อวงการเศรษฐกิจโลก ชนิดที่ว่าไม่สามารถสะท้อนให้เห็นได้ด้วยตัวเลขของจีดีพีเพียงอย่างเดียว

ศาสตราจารย์ Stephen Roach จากมหาวิทยาลัยเยลกล่าวว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปีฉบับที่ 13 ของจีนได้เน้นจุดสำคัญ ที่ว่า โครงสร้างเศรษฐกิจมีความสำคัญมากกว่าเป้าหมายการเติบโตของจีดีพี โดยขณะที่จีนรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจให้มีความเร็วปานกลางค่อนสูงนั้น ก็ได้ปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และอุตสาหกรรมจีนเองก็กำลังยกระดับสูงขึ้นด้วย

Toon/Ldan