สำนักข่าวซินหวารายงานว่า วันที่ 11 มกราคมนี้ โฆษกทหารเกาหลีใต้ระบุว่า สหรัฐฯพิจารณาจะจัดส่งอุปกรณ์ทางทหารเพิ่มเติมไปยังเกาหลีใต้ หลังจากที่วันก่อนหน้า เครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่น B-52 ลำหนึ่งบินถึงชายแดนเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ นับเป็นการตักเตือนด้วยกำลังอาวุธหลังจากเกาหลีเหนือทดลองอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 นายคิม มิน ซ็อก โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุว่า สหรัฐฯกับเกาหลีใต้กำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การจัดวางอุปกรณ์ทางทหารต่อไป สื่อมวลชนเกาหลีใต้รายงานว่า สหรัฐฯอาจจะจัดวางเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่น B-2 เรือดำน้ำนิวเคลียร์ และเครื่องบินรบรุ่น F-22
วันที่ 10 มกราคม เครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่น B-52 ของสหรัฐฯลำหนึ่งบินถึงบริเวณฐานทัพทางภาคใต้ของกรุงโซลเกาหลีใต้ วันที่ 11 มกราคม นาย Curtis Scaparrotti ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯประจำเกาหลีใต้กับนาย Lee Sun-jin เสนาธิการทหารพันธมิตรเกาหลีใต้-สหรัฐฯร่วมกันตรวจพลกองทหารพันธมิตรเกาหลีใต้-สหรัฐฯ สั่งให้ทหารใช้ความระมัดระวังระดับสูงสุดในการปฏิบัติหน้าที่
ทางการเกาหลีเหนือระบุว่า เนื่องจากสหรัฐฯคุกคามเกาหลีเหนือด้วยอาวุธนิวเคลียร์เป็นเวลานาน เกาหลีเหนือจึงวิจัยและผลิตอาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องกันประเทศตน สื่อมวลชนเกาหลีเหนือรายงานวันที่ 11 มกราคมนี้ว่า สหรัฐฯควรมีความรับผิดชอบต่อสถานการณ์ปัจจุบัน หากใช้นโยบายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อไปโดยไม่สนใจข้อเสนอของเกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือก็จะเสริมกำลังอาวุธนิวเคลียร์ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
การที่เกาหลีเหนือทดลองอาวุธนิวเคลียร์รอบใหม่ ทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดยิ่งขึ้น และถูกประชาคมโลกประณาม วันที่ 8 มกราคม นางฮั่ว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า จุดยืนของจีนคือ ไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ก็ต้องยืนหยัดการบรรลุเป้าหมายที่ว่าคาบสมุทรเกาหลีต้องปลอดอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของคาบสมุทรเกาหลี จีนเรียกร้องเกาหลีเหนือปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาของตน และหยุดใช้ปฏิบัติการใดๆที่อาจทวีความตึงเครียดขึ้น ขณะเดียวกัน ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องควรมีความยับยั้งชั่งใจ ยืนหยัดแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี หลีกเลี่ยงเหตุที่จะทวีความขัดแย้ง ไม่ให้สถานการณ์มีความตึงเครียดขึ้นไปอีก