สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ สื่อมวลชนรายงานว่า นายหลาย ซวนแถ่ง ผู้อำนวยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งชาติเวียดนามได้ส่งสารจดหมายประท้วงจีนและองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ โดยประณามเครื่องบินจีนมองข้ามกฎข้อบังคับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ บินผ่านน่านฟ้าเวียดนามโดยไม่ได้แจ้งแผนการบินล่วงหน้าและไม่ได้ติดต่อทางวิทยุกับหอบังคับการบินของเวียดนาม ซึ่งอาจจะสร้างความเสียงสำหรับการบินในภูมิภาค

นายหง เหล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวเมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมานี้ว่า จีนมีอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหนานซาและบริเวณที่ใกล้เคียงอย่างไม่ต้องสงสัย การที่จีนทดลองบินที่สนามบินที่สร้างใหม่บนเกาะหย่งสู่(แนวหินโสโครก)เป็นเรื่องของจีนทั้งสิ้น ดังนั้น การประณนามของเวียดนามจึงเป็นเรื่องไร้หลักฐาน

นายหง เหล่ยเน้นว่า คำกล่าวที่ว่า เวียดนามไม่ได้รับแจ้งจากจีนก็เป็นคำกล่าวที่ไม่สอดรับกับสภาพความเป็นจริง เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมปี 2015 ตามการกำหนดและประเพณีปฏิบัติของสากล หอบังคับการบินพลเรือนจีนได้แจ้งแผนการบินรวมทั้งเส้นทางการบินให้หอบังคับการบินโฮจิมินห์ทราบแล้ว นอกจากนั้นยังดำเนินการติดต่อทางเทคนิคให้หน่วยงานที่เกี่ยวกับทางการต่างประเทศเวียดนามได้ทราบเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมปี 2015 แต่เวียดนามมองข้ามการนำร่องการบินพลเรือนจีนครั้งนี้ซึ่งเป็นมืออาชีพ ใช้เทคนิค เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของพลเรือนและมีประโยชน์ต่อสาธารณะชนทั่วโลก ดำเนินการขัดขวางโดยไร้เหตุผล

เพื่อประกันให้การนำร่องการบินครั้งนี้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิผล รัฐบาลจีนจึงตกลงเปลี่ยนการบินครั้งนี้เป็นการบินของรัฐ และใช้เครื่องบินพลเรือนมาดำเนินการทดลอง ตามกฎหมายระหว่างประเทศ การบินของรัฐไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อบังคับขององค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ และรับผิดชอบโดยประเทศที่เป็นเจ้าของอธิปไตยเท่านั้น จีนเสร็จสิ้นการนำร่องทดลองบินขึ้นลงที่สนามบินหย่งสู่ที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยตนเองและมีความปลอดภัย ผลสำรวจระบุว่า สนามบินที่เกาะหย่งสู่สอดรับกับมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ สามารถประกันความปลอดภัย อำนวยความสะดวกต่อการไปมาหาสู่กันของผู้คนและการกู้ภัยฉุกเฉินได้ เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการกู้ภัยทางทะเลในทะเลจีนใต้ให้สูงขึ้น

Toon/LJ