สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เมื่อเช้าวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดกลางจัตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ด (Sultanahmet Square) ในนครอิสตัสบูล ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน บาดเจ็บอีก 15 คน ซึ่งผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างประเทศหมด นักวิเคราะห์เห็นว่า เหตุการโจมตีก่อการร้ายครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความร้ายแรงของสภาพการณ์ด้านความมั่นคงของตุรกี วัตถุประสงค์ของการโจมตีคือ สร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลตุรกี หลังเกิดเหตุระเบิด นายรีเซป ไตยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกีประณามเหตุการณ์อย่างรุนแรง โดยกล่าวว่า ผู้ก่อการโจมตีแบบพลีชีพมีสัญชาติซีเรีย
เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว รัฐบาลตุรกีประกาศโจมตีกลุ่มไอเอสในซีเรีย และเปิดสนามบินให้ประเทศอื่นๆ โจมตีกลุ่มไอเอสด้วย นอกจากนี้ ยังปิดกั้นไม่ให้ผู้ติดอาวุธต่างประเทศเข้าซีเรีย ติดตามและจับกุมผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอส รวมถึงสร้างกำแพงตามแนวพรมแดนด้วย จึงสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มไอเอส กลุ่มไอเอสจึงก่อการโจมตีหลายครั้ง เพื่อแก้แค้นตุรกี
นักวิเคระห์เห็นว่า ในปัญหารับมือกับความวุ่นวายของซีเรีย และการโจมตีกลุ่มไอเอส ตุรกีใช้กำลังหลักเพื่อโจมตีกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด ป้องกันไม่ให้ชาวเคิร์ดตั้งประเทศที่เป็นเอกราชและเป็นภัยต่อความมั่นคงของตุรกีในภาคเหนือของซีเรีย จนไม่สามารถป้องกันกลุ่มไอเอสอย่างมีประสิทธิภาพได้ และสร้างโอกาสให้กับผู้ก่อการร้าย
นายเออร์ฮัน คาราซูลู ผู้เชี่ยวชาญปัญหาระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยอิสตัสบูลกล่าวว่า เนื่องจากไม่สามารถโจมตีกลุ่มไอเอสในทุกด้านอย่างมีประสิทธิภาพ ตุรกีจึงมีแรงกดดันอย่างมากจากประเทศพันธมิตรโลกตะวันตก เหตุระเบิดครั้งนี้ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเสียชีวิตกันจำนวนมาก อาจจะบีบให้รัฐบาลตุรกีใช้นโยบายที่แข็งกร้าวต่อกลุ่มไอเอส และใช้ปฏิบัติการจำนวนมากขึ้นที่เจาะจงต่อผู้ติดอาวุธกลุ่มไอเอส
Yim/Ldan