แม้ว่าความเร็วการเติบโตที่เป็น 6.9% คงต่ำกว่าหลายปีที่ผ่านมา แต่เมื่อมองสภาพการณ์ทั่วโลกแล้ว ปี 2015 ประเทศที่การเติบโตทางเศรษฐกิจเกินกว่า 6% นั้น มีแต่จีนและอินเดียเท่านั้น ส่วนมวลรวมเศรษฐกิจของอินเดียก็เป็นเพียง 1/5 ของจีนเท่านั้น ในที่ประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ดาวอสที่สิ้นสุดลงเมื่อไม่นานมานี้ นายเคลาส์ ชวาบ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารเวิลด์ อีโคโนมิกกล่าวว่า จีดีพีส่วนเพิ่มที่เป็น 6.9% ของจีนเท่ากับจีดีพีทั้งปีของสวิตเซอร์แลนด์
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการผลิตประเภทที่ 3 มีสัดส่วนสูงขึ้นเป็น 50.5%ของยอดมวลรวมการผลิต ยอดการบริโภคคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ในจีดีพี ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีมีส่วนช่วยการพัฒนาเศรษฐกิจมากขึ้นจาก 50.9%ของปี 2010 มาเป็น 55.1% ของปี2015 โครงสร้างเศรษฐกิจได้รับการปรับปรุงดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน สภาพโอกาสการมีงานทำก็มีความมั่นคงดี ราคาสินค้าอยู่ในระดับที่เหมาะสม รายได้ประชาชนเพิ่มขึ้น และเมื่อปีที่แล้ว ชาวจีนใช้บัตรธนาคารจีนจับจ่ายซื้อของในต่างประเทศมียอดกว่า 1.1 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปี 2014
การลงทุนต่อต่างปรเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปี 2015 นักลงทุนจีนมีการลงทุนในต่างประเทศรวมกว่า 735,080 ล้านหยวน เพื่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะการลงทุนโดยตรงด้านการคมนาคมขนส่ง การไฟฟ้า โทรคมนาคมและอุปกรณ์การผลิต มีอัตราเติบโตอย่างมาก
การนำเข้าสินค้าประเภทสำคัญก็มากขึ้น ปี 2015 จีนนำเข้าแร่เหล็กกล้า 953 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.2% น้ำมันปิโตรเลียม 334 ล้านตัน โตขึ้น 8.8% นำเข้าถั่วเหลืองเพิ่มมากขึ้นกว่า 44% เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารเมอร์ริล ลินซ์ (Merrill Lynch) ประกาศรายงานระบุว่า เพียงเศรษฐกิจจีน ก็สามารถป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจโลกเสื่อมลง และจีนก็ไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันโลกลดลง เพราะการนำเข้าน้ำมันของจีนไม่ได้ลดลง
(Yim/Lin)