สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารเกาหลีใต้ที่ไม่ยอมเผยชื่อผู้หนึ่งกล่าวว่า เกาหลีใต้กับสหรัฐจะร่วมกันจัดการซ้อมรบร่วมสองรอบในรหัส "Key Resolve" และ "Foal Eagle" ในวันที่ 7 มีนาคม และวันที่ 30 เมษายนที่จะถึงนี้ เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวว่า การซ้อมรบร่วมครั้งนี้จะเป็นการซ้อมรบขนาดใหญ่สุดระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐตั้งแต่เกิดกรณีจมเรือรบโชนันเมื่อเดือนมีนาคมปี 2010 เป็นต้นมา
สำนักข่าวยอนฮัปเกาหลีใต้รายงานว่า การซ้อมรบครั้งนี้จะมีทหารเกาหลีใต้กว่า 300,000 นาย และทหารสหรัฐฯ จำนวน 15,000 นายมาเข้าร่วม ในระหว่างนี้ กองทัพสหรัฐ จะจัดส่งกลุ่มเครื่องบินรบ กลุ่มนาวิกโยธิน เรือบรรทุกเครื่องบินด้วยพลังงานนิวเคลียร์ "จอห์น ซี. สเตนนิส" และเรือดำน้ำด้วยพลังงานนิวเคลียร์ เป็นต้น กำลังต่อสู้ที่ฝ่ายสหรัฐส่งเข้าร่วมการซ้อมรบครั้งนี้นับว่ามีขนาดใหญ่สุดตั้งแต่ปี 1976
นอกจากการซ้อมรบร่วมสองรอบดังกล่าวนี้แล้ว นาวิกโยธินเกาหลีใต้และสหรัฐยังจะจัดการฝึกอบรมขึ้นบกร่วมด้วย ในระหว่างการฝึกอบรม ฝ่ายเกาหลีใต้จะจัดส่งทหารนาวิกโยธิน 3,000 นาย และทหารเรือ 2,000 นาย ส่วนด้านสหรัฐ จะจัดส่งทหารนาวิกโยธิน 7,000 นาย และเรือขนส่ง 5 ลำ ซึ่งมีขนาดใหญ่สุดตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า การฝึกอบรมครั้งนี้จะเน้นการต่อสู้ทางบก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกอบรมขีดความสามารถด้านการเดินทัพทางบก และทำลายอุปกรณ์สำคัญต่างๆ เช่น ฐานทัพนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
โดยเจาะจงต่อการซ้อมรบร่วม เกาหลีเหนือได้ประท้วงอย่างรุนแรงและเตือนหลายครั้ง เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวส่วนกลางเกาหลีเหนือรายงานว่า โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือได้กล่าวคำแถลงประณามการซ้อมรบร่วมเกาหลีใต้กับสหรัฐ และวันที่ 7 มีนาคม สำนักข่าวส่วนกลางเกาหลีเหนือรายงานว่า คณะกรรมการกลาโหมเกาหลีเหนือแถลงว่า เกาหลีเหนือจะโจมตีด้วยกำลังนิวเคลียร์ต่อศัตรูแบบชิงลงมือก่อนตามแถลงการณ์สำคัญที่กองบัญชาการสูงสุดเกาหลีเหนือประกาศก่อนหน้านี้
Yim/Ldan