กรุงเทพฯ – ชีวิตของคนๆหนึ่ง อาจเป็นแรงบันดาลใจให้อีกหลายคนที่กำลังเผชิญมรสุม ได้กลับมาคิดทบทวน ตั้งใจแก้ไขปัญหา ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและพร้อมจะมุ่งหน้าต่อไปอย่างมีหวัง ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 ทาง Chinese-Thai Enterprises Association (泰国中国企业总商会) ได้จัดกิจกรรมแนวทอล์คโชว์ (Talk show) เป็นครั้งแรก เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและแบ่งปันสิ่งดีๆ โดยบุคคลทรงคุณค่าที่ทางสมาคมฯภูมิใจนำเสนอและได้รับเกียรติมาเล่าถึงประวัติชีวิตตนเองภายใต้หัวข้อ "我的人生 -ชีวิตของผม" ในครั้งนี้ ได้แก่ คุณเฉิน ฮั่นซื่อ (陈汉士) หรือที่คนไทยจะคุ้นหูกันดีในชื่อคุณไกรสร จันศิริ เจ้าสัวไทยยูเนี่ยนโฟรเซ่น - เจ้าของฉายา "ราชาทูน่ากระป๋องโลก" ผู้ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งในด้านธุรกิจและชีวิตส่วนตัว

คุณเฉินเกิดที่จีนแผ่นดินใหญ่ตรงแถบซานโถว (ซัวเถา) มณฑลกว่างโจว อายุสิบกว่าขวบได้เดินทางมาอยู่ที่ประเทศไทย ปัจจุบันคุณเฉินอายุ 81 ปีแล้ว ถ้าเป็นผู้ใหญ่บางคนก็อาจจะเกษียณตนเองอยู่บ้านเลี้ยงหลานปลูกต้นไม้ตามความสนใจ แต่คุณเฉินในวันนี้ยังคงแข็งแรง ทำงานให้แก่ครอบครัวและทำหน้าที่ตอบแทนสังคม แถมยังมีความตั้งใจว่าจะทำงานไปจนตลอดชีวิตนี้เลยทีเดียว

ชีวิตของคุณเฉินเริ่มมาจาก 3 ศูนย์ หรือการที่ไม่มีอะไรเลย 3 สิ่งอันได้แก่ความรู้, เงินทุนแ

ละเครดิต

"ความรู้เป็นศูนย์": คุณเฉินเป็นคนถ่อมตน ท่านพูดถึงเรื่องการศึกษาว่าตนเองเรียนมาน้อย ไม่ค่อยมีความรู้อะไรเท่าไหร่ ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนของจีนไม่เท่าไหร่ก็ต้องออกมาทำงานหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว

"เงินทุนเป็นศูนย์": สมัยเด็กท่านยากจน ตอนนี้คนเห็นท่านเป็นเจ้าสัวร่ำรวยอาจจะนึกภาพไม่ออกว่าคำว่า "ยากจน" ที่คุณเฉินหมายถึงนั้นเป็นอย่างไร แม้แต่ตอนเริ่มธุรกิจครั้งแรกในปีค.ศ. 1965 เงินลงทุนก้อนแรกจำนวน 10,000 บาท ท่านก็ได้จากการเล่นแชร์มาลงหุ้นกับเพื่อนร่วมกันตั้งบริษัทเล็กๆขึ้นมา

"เครดิตเป็นศูนย์": คำว่าเครดิตในที่นี้คือความเชื่อใจ การที่คุณเฉินเริ่มต้นจากการไม่มีเครดิตนี่ไม่ได้หมายความว่าท่านเป็นคนนิสัยไม่น่าไว้ใจ แต่มันเกิดจากการที่ยากจนมาก เวลาที่คนเราจนมากๆไม่มีเงินติดตัวให้ชาวบ้านเห็น แล้วใครที่ไหนเล่าจะกล้าให้เครดิตกับคนจน คุณเฉินได้ให้ข้อคิดกับผู้ฟังไว้ว่าสำหรับคนเรา การมีเครดิตนี่สำคัญมากอย่างน้อยก็ต้องเป็นคนรักษาเวลา

ใช่ว่าจะประสบแต่ความสำเร็จในทางธุรกิจ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ บริษัทของคุณเฉินล้มลุกคลุกคลานมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลกก็ยังดีที่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเอาตัวรอดผ่านมาได้ เศรษฐกิจแย่ หลายบริษัททำท่าจะล้ม เราเล็งๆมองๆแล้วก็ไปซื้อกิจการเขามาปรับปรุงซะเลย ธุรกิจของคุณเฉินใหญ่โตขยายออกไปในหลายทวีป ไปดูงาน ไปประมูล ไปซื้อ ไปลงทุนร่วมทุนกับต่างประเทศ สำหรับคุณเฉินแล้วสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจคือการปรับระบบการทำงานและการใช้นวัตกรรม (คุ้นๆไหมคะ? หลักการเดียวกับที่พิมพ์เขียวประเทศจีนกำลังมุ่งหน้าไป อะไรๆก็ 创新 – นวัตกรรม- Innovation กันทั้งนั้น) ตอนนี้ทางบริษัทมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นม.มหิดล ฯลฯ เพื่อใช้เทคโนโลยีมาช่วยประหยัดแรงงานคนและยังสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆป้อนสู่ตลาด อย่างไส้กรอกปลาที่เนื้อดี เนียน อร่อยไม่คาวหรือแม้แต่สเต็กทูน่าพร้อมรับประทานเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างว่องไวไม่แพ้4G5G

6 หลักการในการใช้ชีวิตของ "เฉิน ฮั่นซื่อ"

ความพยายาม: ความมานะพยายามเป็นหนทางสู่ความสำเร็จ ประมาณว่าไม่สูงต้องเขย่ง ไม่เก่งต้องขยันนั่นแหละค่ะ

ความเชื่อใจ: หรือคำติดปากคนไทยสมัยใหม่ว่า "เครดิต" คนเราต้องรู้จักตรงต่อเวลา หากรักษาเวลาไม่ได้แล้วจะเชื่อใจได้อย่างไร รักครอบครัว พูดความจริง รักษาความเป็นคน

ความร่วมมือ: การแข่งขันนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพแต่มิใช่การต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตาย กับคนในวงการเดียวกันหากร่วมมือกันได้จะดีที่สุด หากร่วมมือด้วยกันควรได้รับส่วนแบ่งที่ยุติธรรมและเหมาะสม

มุ่งไปข้างหน้า: เอาเป็นว่าตายก่อนค่อยพักผ่อนจริงๆจังๆแล้วกัน คนเรานั้นหากไม่เดินไปข้างหน้าในขณะที่คนอื่นเขาพัฒนา ก็เทียบได้เท่ากับว่าถอยหลังแล้ว และหากยังแพ้ไม่เป็นก็ไม่ต้องลงมือทำ

สำนึกตอบแทนบุญคุณ: ความกตัญญูรู้คุณเป็นสิ่งสำคัญ ใครเคยช่วยเหลือเราอย่างไรไม่ควรลืม

ตอบแทนสังคม: คนทุกคนสามารถตอบแทนสังคมได้ ไม่ต้องรอให้รวยล้นฟ้าหรือเหลือกินเหลือใช้ก่อน ทำตามความสามารถ ขอแค่มีจิตใจที่บริสุทธิ์ จำนวนเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่

สุดท้ายก่อนจบการบรรยาย คุณเฉินได้ฝากผู้ฟังไว้ว่า "ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และอย่าลืมตอบแทนสังคม" ซึ่งสิ่งที่กล่าวเป็นการสรุปสั้นๆของหลักในการดำรงชีวิตของลูกผู้ชายที่ชื่อ "เฉิน ฮั่นซื่อ" – ราชาทูน่ากระป๋องของโลกนั่นเอง

เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿