หนังสือพิมพ์เหรินหมินรื่อเป้ารายงานว่า วัดฮินดูแห่งหนึ่งในรัฐเกรละ ทางภาคใต้ของอินเดียเกิดไฟไหม้อย่างหนักเมื่อเช้าตรู่วันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา เพลิงไหม้ครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 110 คน และผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 390 คน ผลสำรวจเบื้องต้นแสดงว่า ขณะเกิดเพลิงไหม้ มีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในวัด โดยผู้คนนับหมื่นกำลังชุมนุมกันทั้งที่บริเวณภายในและนอกวัด การแสดงพลุไฟที่จัดเป็นประจำทุกปีเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ วิหารหลักๆ ของวัดแห่งนี้พังถล่มในกองเพลิงในช่วงเวลาสั้นๆ ยังผลให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า วัดฮินดูที่เกิดไฟไหม้นี้เป็นศาสนสถานที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่น สำหรับศาสนิกชนที่เป็นผู้หญิง การเซ่นไหว้บูชาเทพธิดาที่ประดิษฐานไว้ในวัด เป็นกิจกรรมบูชาที่จำเป็นต้องทำในทุกปี อนึ่ง วันที่ 14 เมษายนเป็นวันไหว้พระวิษณุ อันเป็นเทศกาลสำคัญที่สุดของศาสนาฮินดู ชาวบ้านจึงนิยมไปประกอบศาสนกิจในวัดล่วงหน้า การจุดพลุไฟทำให้บรรยากาศการบูชามให้มีความคึกคักอย่างยิ่ง ถึงแม้ทางการท้องถิ่นประสงค์ที่จะให้จัดโชว์แสงไฟแทนการจุดพลุ แต่ศาสนิกชนทั้งหลายยังนิยมพลุไฟมากกว่า
ทางการรัฐเกรละยืนยันเมื่อเช้าวันที่ 10 เมษายนว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่พลุไฟจำนวนมากที่กองไว้ในลานวัดถูกเปลวไฟจุดขึ้นโดยบังเอิญ และเกิดการระเบิดทันที ทำให้วิหารในวัดพังลงและเกิดเพลิงไหม้ขึ้น อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.30 น.เช้าตรู่วันที่ 10 เมษายน เวลาประมาณ 07.00 น. เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงไหม้ ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงค้นหาผู้รอดชีวิตที่อาจจะถูกทับอยู่ใต้ซาก ผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่ถูกนำส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมืองเอกของรัฐเกรละ ซึ่งอยู่ห่างจากสถานที่เกิดเหตุกว่า 70 กิโลเมตร
ผู้เคราะห์ร้ายและผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นเด็กและสตรี นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียกล่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวันที่ 10 เมษายนว่า ไม่สามารถหาถ้อยคำมาพรรณนาถึงความตื่นตระหนกและความเศร้าใจของตนเองเมื่อได้ทราบข่าวไฟไหม้ครั้งนี้ ขอภาวนาให้ผู้คนได้รับความเสียหายทั้งหลาย ถึงแม้ยังไม่ได้สืบสวนสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ แต่วงการต่างๆ ของอินเดียพากันตั้งข้อกังขาว่า ทางการท้องถิ่นไม่สามารถควบคุมดูแลการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยและปลอดภัย
IN/FENG