สืบเนื่องจากฟิลิปปินส์ได้ทำการบิดเบือนรายละเอียดอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลต่ออนุญาโตตุลาการกรณีข้อขัดแย้งปัญหาทะเลจีนใต้ โดยเห็นว่าบริเวณพื้นที่น้ำลดและแนวหินปะการังใต้น้ำเป็นดินแดนของเขตเศรษฐกิจพิเศษและเป็นส่วนหนึ่งของไหล่ทวีป หมายจะทลายอธิปไตยที่มีเหนือหมู่เกาะหนานซาของจีน ซึ่งประเด็นเหล่านี้ไม่สอดคล้องกับความจริงในปัจจุบันและประวัติศาสตร์ และฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศด้วย

ประการแรก หมู่เกาะหนานซาเป็นดินแดนในอาณานิคมแต่ดั้งเดิมของจีน จีนได้มีกิจกรรมในทะเลจีนใต้เมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน จีนเป็นประเทศแรกของโลกที่ค้นพบ ตั้งชื่อ บุกเบิกพัฒนาและบริหารจัดการหมู่เกาะทะเลจีนใต้

ประการที่ 2 ฟิลิปปินส์เจตนาที่จะมองข้ามว่าหมู่เกาะหนานซาเป็นดินแดนที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ใช่แยกย่อยเป็นส่วนๆ

ประการที่ 3 อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลให้สิทธิกับประเทศชายฝั่งทะเลในด้านเขตเศรษฐกิจพิเศษและระบบไหล่ทวีป ประเทศชายฝั่งทะเลจึงมีสิทธิขับไล่ประเทศอื่นๆ แต่การใช้อำนาจเหล่านี้ต้องสอดคล้องกับประโยชน์ของประเทศริมฝั่งทะเลและการศึกษาวิจัยทางทะเลเป็นสำคัญ ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อประเทศใดประเทศหนึ่งได้

ประการสุดท้าย ขณะที่จีนยึดคืนอธิปไตยหมู่เกาะหนานซา ระบบไหล่ทวีปกำลังก่อรูปขึ้น ดังนั้น อธิปไตยเหนือหมู่เกาะหนานซาของจีนมีขึ้นก่อนระบบไหล่ทวีปเป็นเวลานาน นายแฮร์รี เอส. ทรูแมน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศแถลงการณ์เกี่ยวกับนโยบายด้านพื้นที่ใต้ไหล่ทวีปและทรัพยากรธรรมชาติของก้นทะเลสหรัฐฯ เมื่อปี 1945 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการประกาศแนวคิดเกี่ยวกับทรัพยากรของไหล่ทวีปกับประเทศชายฝั่งทะเล การประชุมกฎหมายทะเลแห่งสหประชาชาติครั้งแรกประกาศอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลเมื่อปี 1958 ต่อมาอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลได้กำหนดข้อกำหนดเกี่ยวกับระบบไหล่ทวีปที่มีรายละเอียดชัดเจนมากยิ่งขึ้นเมื่อปี 1982 ดังนั้น ฟิลิปปินส์จึงไม่สามารถถือบริเวณพื้นที่น้ำขึ้นน้ำลดและหินปะการังใต้น้ำเป็นข้ออ้าง ปฏิเสธอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหนานซาของจีน

Yim/kt