เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเซิ่ง ไหลยู่น โฆษกสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนกล่าวว่า เศรษฐกิจจีนไตรมาสแรกมีจุดเริ่มต้นที่ดี ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีมีถึง 15.8 ล้านล้านหยวน ขยายตัว 6.7% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีที่แล้ว ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจหลายตัวเกิดการเปลี่ยนทางบวก สะท้อนให้เห็นว่า ขณะนี้ เศรษฐกิจจีนเริ่มเข้าสู่ระยะที่มีความทรงตัว

นายเซิ่ง ไหลยู่น กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า เศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกมีความมั่นคง โครงสร้างได้รับการปรับปรุงดีขึ้น มีจุดเด่นหลายอย่าง และดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 6.7% นั้นต่ำกว่าไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว 0.1% ก็ตาม แต่อยู่ระหว่าง 6.5%-7% ซึ่งถือเป็นขอบเขตที่สมเหตุสมผล หากคำนวณตามดัชนีราคาสินค้าปี 2015 ยอดจีดีพีไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มขึ้น 22,200 ล้านหยวน เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนยังถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง หรือระดับสูง หากเทียบกับประเทศพัฒนา หรือประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่นๆ

ข้อมูลล่าสุดปรากฏว่า ไตรมาสแรก ประชากรในเขตเมืองที่มีงานทำเพิ่มขึ้น 3,180,000 คน บรรลุเป้าหมาย 31.8 % ของภาระด้านนี้ในทั่วทั้งปี ดัชนีราคาสินค้าอุปโภคบริโภคขยับขึ้น 2.1% ซึ่งถือว่าไม่มาก รายได้คนในเขตเมืองเพิ่มขึ้นเฉลี่ยคนละ 6.5% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไป

นอกจากนี้ โครงสร้างอุตสาหกรรมได้รับการปรับปรุงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไตรมาสแรกที่ผ่านมา ธุรกิจภาคบริการคิดเป็น 56.9% ของจีดีพี เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ ดัชนีเศรษฐกิจหลายตัว เช่น อัตราเติบโตของมูลค่าเพิ่มอุตสาหกรรม ยอดปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้า ปริมาณการขนส่งสินค้า การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และดัชนีอุปโภคบริโภคล้วนดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ นายเซิ่ง ไหลยู่น แสดงความคิดเห็นว่า ข้อมูลเหล่านี้แสดงว่า เศรษฐกิจจีนเริ่มเข้าสู่ช่วงที่มีความทรงตัว

เขากล่าวว่า นโยบายต่างๆ ที่ใช้ก่อนหน้านี้เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ การปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ และสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนเหล่านั้นเริ่มปรากฏผล ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มดีขึ้น ทั้งนี้ส่งผลกระทบทางบวกต่อการลงทุนที่เกี่ยวข้องและการอุปโภคบริสงค์ การปฏิรูปภาคอุปทานก็เริ่มปรากฏผลที่ดี ทำให้ภาคอุปโภคและอุปทานมีความสมดุลมากขึ้น

สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกขยายตัวในอัตราค่อนข้างสูงคือ การค้าระหว่างประเทศของจีนในเดือนมีนาคมปรับตัวดีขึ้น ไม่ว่าด้านการผลิต ความต้องการของตลาดเป้าหมาย ราคาสินค้าส่งออก หรือการคาดการณ์ทางการตลาดล้วนปรับตัวดีขึ้น ถึงแม้ว่าข้อมูลเพียงเดือนเดียวเท่านั้นยังไม่สามารถชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการค้าระหว่างประเทศในวันข้างหน้าได้ แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่า เศรษฐกิจจีนเริ่มมีความทรงตัว

นายเซิ่ง ไหลยู่น เผยว่า เศรษฐกิจจีนไตรมาสแรกยังมีจุดเด่นหลายอย่าง

เช่น เศรษฐกิจรูปแบบใหม่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันปัจจัยใหม่ที่กระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจนับวันเพิ่มมากขึ้น การสร้างธุรกิจด้วยตนเอง และการนวัตกรรมปรากฏแนวโน้มที่ดี จากข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วงไตรมาสแรก มีบริษัทภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละกว่า 10,000 บริษัท เศรษฐกิจแบบใหม่ และผลิตภัณฑ์ใหม่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมที่เจริญขึ้นใหม่ทางยุทธศาสตร์ขยายตัว 10% อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงขยายตัว 9.2% สำหรับผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ยอดการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 80% เวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์แบบอัจฉริยะ เครื่องอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ล้วนเพิ่มขึ้นอย่างมาก อินเตอร์เน็ตมีบทบาทมากขึ้นในอุตสาหกรรมภาคการผลิต และธุรกิจภาคบริการ อุตสาหกรรม และธุรกิจภาคบริการรูปแบบใหม่ปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ช่วงที่ผ่านมา สถาบันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศหลายแห่งปรับการคาดการณ์ต่อเศรษฐกิจจีนสูงขึ้น วันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศประกาศรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุด โดยปรับลดการคาดการณ์ต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงสหรัฐฯ และเขตเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆ ลง 0.2% แต่ปรับการคาดการณ์ต่อเศรษฐกิจจีนขึ้น 0.2% คือ จากเดิม 6.3% มาเป็น 6.5%

อย่างไรก็ตาม นายเซิ่ง ไหลยู่นยอมรับว่า แรงกดดันขาลงต่อเศรษฐกิจจีนนั้นไม่อาจมองข้ามได้ ปัจจุบัน สถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีความสลับซับซ้อนมาก มีปัจจัยไม่มั่นคง ไม่แน่นอนดำรงอยู่มาก สำหรับ

จีน ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องประสบความยากลำบากมาก ความเจ็บปวดจากการปรับโครงสร้างยังคงจะดำรงอยู่ต่อไป ขณะเศรษฐกิจภาคจริงยังคงต้องประสบความยากลำบากนานัปการอีก ด้วยสาเหตุเหล่านี้ จึงไม่ควรมองข้ามแรงกดดันขาลงที่มีต่อเศรษฐกิจจีน ในช่วงเวลาต่อไป จีนจะเร่งปฏิบัติตามนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจต่างๆ มุ่งปฏิรูปภาคอุปทาน ให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แสดงบทบาทอย่างเต็มที่ เพื่อให้เศรษฐกิจที่เริ่มมีความทรงตัวนั้นเข้มแข็งยิ่งขึ้น

(YIM/cai)