เมื่อกว่า 1 ปีก่อน นายติง เหว่ย เจ้าของบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศจื๋อวี่ย์จำกัด (JOLLY INFORMATION TECHNOLOGY CO.LTD) ของมณฑลเจ้อเจียง
ยังคงประกอบการค้าส่งออกสินค้าแบบดั้งเดิม ทว่าเมื่อเศรษฐกิจโลกอยู่ในขาลง การค้าส่งออกแบบดั้งเดิมนับวันมีความยากลำบากมากขึ้น ดั้งนั้น นายติง เหว่ยจึงตัดสินใจปรับตัวมาทำอี-คอมเมิร์สข้ามแดนประเภทค้าขายเสื้อผ้าสตรี เขาเล่าถึงแรงบันดาลใจความคิดสร้างสรรค์ใหม่ของตัวเองว่า
"ผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์สของสหรัฐอเมริกาหลายรายได้จัดตั้งศูนย์จัดซื้อจัดจ้างในจีนทางออนไลน์ ผู้จำหน่ายจากจีนคิดเป็นสัดส่วนมากถึงร้อยละ 40-60"
เมื่อหาตลาดได้ตรงจุด บริษัทของนายติง เหว่ยจึงเข้าสู่ช่วงเติบโตด้วยอัตราสูง เวลานี้ บริษัทของเขามีหุ้นส่วนประกอบการกว่า 1,200 รายภายในประเทศ รวมถึงได้ตั้งเว็บไซต์จำหน่ายในหลายประเทศและเขตแคว้น เช่น เขตอาหรับ ยุโรป สหรัฐอเมริกา และทวีปอเมริกาเหนือ ยอดการจำหน่ายปี 2015 มีกว่า 10,000,000 ชิ้น วงเงินกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
การอำลารูปแบบประกอบการแบบดั้งเดิม และหันมาเดินทางเศรษฐกิจแห่งสารสนเทศ ช่วยให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีกำลังแข่งขันในตลาดโลกมากขึ้น แต่สำหรับผู้ผลิตสินค้าขนาดใหญ่ยักษ์เพื่อการส่งออกนั้น จะรับการท้าทายใหม่ๆ อย่างไร
เมื่อ 10 ปีก่อน บริษัทโมโตชุนเฟิง (CFMOTO) เมืองหังโจวมณฑลเจ้อเจียง เป็นเพียงผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ทั้งคันและอะไหล่ชิ้นส่วนสำคัญ ต่อมาปี 2008 ทางบริษัทได้ปรับกิจการใหม่มาผลิตยานยนต์สี่ล้อที่เหมาะกับทุกภูมิประเทศ (All Terrain Vehicle) และรถมอเตอร์ไซค์สำหรับแข่งกีฬา ซึ่งมีคุณภาพระดับโลก นายล่าย กั๋วกุ้ย ประธานกรรมการบริษัทโมโตชุนเฟิงระบุว่า
"หากยังคงใช้วิธีการผลิตแบบดั้งเดิม ก็จะไม่มีทางลดต้นทุนให้ต่ำลงและยกประสิทธิภาพให้สูงขึ้นได้ ซึ่งยากที่จะเข้าตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุนี้ บริษัทโมโตชุนเฟิงจึงปรับอุปกรณ์ให้ทันสมัย หันมาใช้ระบบการผลิตอัจฉริยะ และตั้งเวที o2o ทำการผลิตตามออร์เดอร์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ การปรับสิ่งต่างๆ ให้ทันสมัยขึ้นเช่นนี้ ช่วยให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ตอบรับความต้องการในตลาดประเทศต่างๆ ได้มากขึ้น ส่วนแบ่งในตลาดของโลกก็เพิ่มขึ้นรวดเร็ว"
(YIM/LING)