สำนักข่าวซินหวารายงานว่า วันที่ 26 เมษายนเป็นวันรำลึกอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีลครบรอบ 30 ปี นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติประกาศคำปราศรัยในวันเดียวกัน โดยระบุว่าควรจารึกความเสียหายและความเจ็บปวดที่เกิดจากอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีลครั้งนี้ สมัชชาสหประชาชาติได้จัดการประชุมรำลึกด้วย
นายบัน คี มุนกล่าวว่า อุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีลได้นำผลร้ายรุนแรงมาสู่มนุษย์ สิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจ จนถึงวันนี้ยังส่งผลกระทบต่อเขตที่เกี่ยวข้องตลอดจนทั่วโลกด้วย วันรำลึกครบรอบ 30 ปีนี้ได้เสนอโอกาสให้ผู้คนทั้งหลายได้รับบทเรียน คิดทบทวนกระบวนการฟื้นฟู และขอบคุณผู้ทำงานจัดการปัญหาที่ตกค้างไว้หลังจากเกิดอุบัติเหตุซึ่งได้เสียสละสุขภาพกระทั่งถึงเสียสละชีวิต
นายบัน คี มุนกล่าวว่า อุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีลเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ ได้ช่วยเพิ่มจิตสำนึกในด้านดังกล่าว และผลักดันให้ปรับปรุงการควบคุมความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วโลก
นายบัน คี มุนระบุว่า ปัจจุบัน เหตุการณ์ธรรมชาติเชื่อมโยงกับวิกฤติเคมี ชีววิทยา ความเป็นกัมมันตรังสีและนิวเคลียร์จะทำให้ความเสี่ยงเกิดภัยพิบัติมากขึ้น ในการประชุมสุดยอดด้านมนุษยธรรมโลกที่จะจัดขึ้นที่ตุรกีในเดือนพฤษภาคมปีนี้ เขาจะเสนอให้ผู้นำประเทศต่างๆ พิจารณากำหนดแผนการที่รวมศาสตร์หลายแขนงเพื่อป้องกัน เตรียมพร้อมและรับมือกับสภาพเช่นนี้
ในวันเดียวกัน สมัชชาสหประชาชาติได้จัดการประชุมในประเด็น "ความร่วมมือระหว่างประเทศและการใช้ความพยายามประสานงานเพื่อส่งเสริมการวิจัย ลดและขจัดผลที่เกิดจากอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีล" ผู้แทนจากประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น เบลารุส ยูเครน และรัสเซีย รวมทั้งผู้แทนจากประเทศต่างๆ ได้กล่าวคำปราศรัยในที่ประชุมด้วย
เมื่อวันที่ 26 เมษายนปี 1986 แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลขที่ 4 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีลที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือยูเครนที่อยู่ใกล้กับชายแดนเบลารุสเกิดการระเบิด เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 30 คน ของแผ่รังสีกว่า 8 ตันรั่วไหล อุบัติเหตุดังกล่าวนี้ทำให้ที่ดินกว่า 60,000 ตารางกิโลเมตรในบริเวณโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นพิษโดยตรง กว่า 3.2 ล้านคนถูกรังสีทำลาย กลายเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์การประยุกต์ใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติของมุนษย์
(Yim/zheng)