หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้ารายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ไทย กัมพูชา เวียดนาม ลาว และพม่า เป็นต้น ประสบปัญหาอากาศร้อนจัดและแห้งแล้ง โดยฤดูแล้งปีนี้มีอุณหภูมิสูงมาก ปริมาณน้ำน้อยและต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน

สภาวะแห้งแล้งดังกล่าวทำให้ประเทศอาเซียนต้องประสบความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมาก จึงต่างใช้มาตรการรับมือกับภัยแล้ง โดยจีนดำเนินมาตรการเพิ่มน้ำให้กับแม่น้ำโขงตอนล่าง เพื่อช่วยประเทศประสบภัยแก้ไขปัญหา

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยไทยประกาศว่า ไทยมีจังหวัดที่ประสบภัยแล้ง 27 แห่ง และกว่า 4,200 หมู่บ้านเผชิญกับการขาดแคลนน้ำอย่างหนัก ในจำนวนนี้ มี 8 จังหวัด เช่น จังหวัดกระบี่และจังหวัดนครราชสีมา ขาดแคลนน้ำใช้ในชีวิตประจำวันและทำการเกษตรอย่างหนัก อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 16 แห่งทั่วประเทศมีปริมาณน้ำกักเก็บไม่ถึง 30% ทำให้ผลผลิต เช่น ข้าว อ้อย ลดลงอย่างมาก มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยศึกษาและประกาศว่า ความแห้งแล้งอาจจะทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลดลง 0.6% ถึง 0.8%

ทางภาคใต้เวียดนามและกัมพูชาก็เกิดปัญหาที่มีผลผลิตลดลงอย่างหนักหรือไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้จากภัยแล้งครั้งนี้ นอกจากนี้ ปัญหาสุขอนามัยที่ตามมาก็มองข้ามไม่ได้

ปัจจุบัน จีนกำลังร่วมกับกัมพูชา ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศตามลุ่มแม่น้ำโขง พยายามสร้างกลไกความร่วมมือแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ความร่วมมือทางทรัพยากรน้ำจะเป็นเนื้อหาสำคัญประการหนึ่งของกลไกนี้ นายยอสต์ บุลแมน นักวิจัยระดับสูงคณะศึกษาวิจัยนโยบายน้ำ สถาบันนโยบายสาธารณะลี กวน ยู ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์เห็นว่า เพื่อรับมือกับความแห้งแล้งที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งในอนาคต ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงนอกจากส่งเสริมการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกทางชลประทานแล้ว ยังต้องการความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะต้องสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศในการบริหารทรัพยากรน้ำ

Yim/Chu