สำนักข่าวซินหวารายงานว่า วันนี้ (12 กรกฎาคม) กระทรวงกาต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนออกแถลงการณ์ว่าด้วยคำตัดสินคดีฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนกรณีพิพาททะเลหนานไห่ว่า คำตัดสินนี้เป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับใช้ใดๆ จีนไม่ยอมรับและไม่เห็นด้วย
1. วันที่ 22 มกราคมปี 2013 รัฐบาลฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนกรณีข้อพิพาททะเลหนานไห่โดยลำพัง วันที่ 19 กุมภาพันธ์ของปีเดียวกัน รัฐบาลจีนประกาศอย่างหนักแน่นว่า รัฐบาลจีนไม่ยอมรับ และไม่ร่วมดำเนินคดียื่นฟ้องดังกล่าว ซึ่งจีนก็ได้ย้ำจุดยืนดังกล่าวอีกหลายครั้งหลังจกนั้น วันที่ 7 ธันวาคม ปี 2014 รัฐบาลจีนแถลงจุดยืนเกี่ยวกับขอบเขตอำนาจในการพิจารณาคดีฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนกรณีข้อพิพาททะเลหนานไห่ว่า การที่ฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนกรณีข้อพิพาททะเลหนานไห่นั้นฝ่าฝืนข้อตกลงระหว่างจีน-ฟิลิปปินส์ ฝ่าฝืนอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล และไม่สอดคล้องกับวิธีพิจารณาความระหว่างประเทศ ศาลระหว่างประเทศที่รับคดียื่นฟ้องดังกล่าวไม่มีอำนาจในการพิจารณา วันที่ 29 ตุลาคมปี 2015 ศาลระหว่างประเทศที่รับฟ้องคดีนี้มีคำตัดสินเกี่ยวกับอำนาจการพิจารณา และความเป็นไปได้ในการดำเนินคดีดังกล่าว ต่อการนี้ รัฐบาลจีนออกแถลงการณ์ทันทีว่า คำตัดสินดังกล่าวของศาลเป็นโมฆะ และไม่มีผลบังคับใช้ใดๆ จุดยืนของจีนมีความชัดเจนมาโดยตลอด
2. การที่ฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องกรณีพิพาททะเลหนานไห่โดยลำพังฝ่ายเดียวนั้นมีเจตนาเลวร้ายแอบแฝง คือ ไม่ใช่เพื่อแก้ไขข้อพิพาทกับจีน และก็ไม่ใช่เพื่อรักษาสันติภาพ เสถียรภาพในทะเลหนานไห่ แต่เพื่อปฏิเสธอธิปไตยเหนือดินแดนและสิทธิประโยชน์ทางทะเลหนานไห่ของจีน การยื่นฟ้องของฟิลิปปินส์ยังขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะว่า ประการแรก กรณีพิพาทที่ฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องนั้นเป็นปัญหาอธิปไตยเหนือดินแดนในเกาะแก่งบางส่วนของหมู่เกาะหนานซา ซึ่งเกี่ยวพันถึงการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างจีน-ฟิลิปปินส์ ฟิลิปปินส์รู้ดีว่า ปัญหาอธิปไตยเหนือดินแดนไม่ได้อยู่ในขอบเขตของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล และจีนได้ออกแถลงการณ์แล้วว่า ข้อพิพาทเขตแดนทางทะเลจะไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจการพิจารณาของศาลโลก แต่ฟิลิปปินส์ก็ยังพยายามแต่งเติมข้อมูลต่างๆ เพื่อนำกรณีพิพาทนี้ยื่นฟ้องต่อศาล ประการที่ 2 การที่ฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนกรณีพิพาททะเลหนานไห่ยังละเมิดสิทธิของจีนในฐานะประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ซึ่งมีสิทธิเลือกกระบวนการและรูปแบบการแก้ไขข้อพิพาท เมื่อปี 2006 จีนเคยประกาศไว้ในข้อที่ 298 ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลแล้วว่า ข้อพิพาทเกี่ยวกับการปักปันเขตแดนทางทะเล อ่าวทะเลทางประวัติศาสตร์ กรรมสิทธิ์ การทหาร และปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายนั้น จะไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจการวินิจฉัยของศาลโลก ประการที่ 3 การที่ฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนโดยลำพังนั้นฝ่าฝืนข้อตกลงทวิภาคีระหว่างจีน-ฟิลิปปินส์ ซึ่งก่อนฟิลิปปินส์จะยื่นฟ้องจีน ทั้งจีนและฟิลิปปินส์ต่างก็เคยยืนยันมาตลอดหลายปีว่า จะแก้ไขข้อพิพาททะเลหนานไห่ด้วยการเจรจา ประการที่ 4 การที่ฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนโดยลำพังนั้นฝ่าฝืนปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลหนานไห่ แม้จีน ประเทศอาเซียน รวมทั้งฟิลิปปินส์เองได้ลงนามไว้เมื่อปี 2002 โดยในปฏิญญาฉบับนี้ระบุชัดเจนว่า ให้คู่กรณีแก้ไขข้อพิพาทด้วยการเจรจา ทว่าฟิลิปปินส์กลับไม่เคารพและไม่ปฏิบัติตามกระบวนการแก้ไขข้อพิพาทที่ระบุไว้ ทั้งยังฝ่าฝืนหลักการที่ว่า "สิ่งที่รับปากแล้วต้องได้รับการเคารพและปฏิบัติตาม " ขณะเดียวกัน ยังขัดต่อหลักการและกฎเกณฑ์ของกฎหมายระหว่างประเทศด้วย
3. ศาลอนุญาโตตุลาการมองข้ามความจริงที่ว่า การที่ฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องคดีทะเลหนานไห่เป็นปัญหาทางอธิปไตยและการแบ่งเขตทางทะเล ให้ความเห็นผิดเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขข้อพิพาทที่จีนและฟิลิปปินส์เลือกร่วมกัน ให้ความเห็นผิดเกี่ยวกับผลทางกฎหมายใน "ปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลหนานไห่" มองข้ามแถลงการณ์ที่ไม่ยอมรับการตัดสิน ซึ่งก็เคยระบุไว้แล้วตามมาตรา 298 ของ "อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล" ศาลอนุญาโตตุลาการเลือกที่จะมองข้ามสภาพทางธรณีวิทยาของหมู่เกาะในน่านน้ำทะเลหนานไห่ โดยอธิบายและใช้อนุสัญญาดังกล่าวผ่านการจินตนาการของตนเอง ซึ่งผิดทั้งข้อเท็จจริงและผิดต่อกฎหมาย การกระทำและการตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการเป็นการฝ่าฝืนธรรมเนียมการตัดสินระหว่างประเทศ ฝ่าฝืนเป้าหมายและวัตถุประสงค์การส่งเสริมการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธีของอนุสัญญาฯ เป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีและทำลายความศักสิทธิ์ของอนุสัญญาฯ ทำลายสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายของจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีเอกราชและเป็นประเทศร่วม "อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล" และยังเป็นการกระทำที่ไร้ความยุติธรรมและผิดกฎหมาย
4. ผลการตัดสินจะไม่สามารถส่งผลกระทบต่ออธิปไตยเหนือดินแดนและสิทธิทางทะเลในน่านน้ำทะเลหนานไห่ของจีน จีนคัดค้านและไม่ยอมรับความคิดเห็นและการกระทำที่สนับสนุนการตัดสินครั้งนี้
5. รัฐบาลจีนเน้นว่า สำหรับปัญหาดินแดนและการแบ่งเขตทางทะเล จีนไม่ยอมรับวิธีแก้ไขปัญหาผ่านฝ่ายที่สาม ไม่ยอมรับแผนการแก้ไขข้อพิพาทที่ถูกบีบบังคับ รัฐบาลจีนจะปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศและหลักการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเบื้องต้นตาม "กฎบัตรประชาชาติ" ซึ่งรวมถึงหลักการเคารพอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนและแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี พร้อมยืนหยัดใช้กฎหมายระหว่างประเทศและวิธีการปรึกษาเจรจาแก้ไขข้อพิพาททะเลหนานไห่ รักษาสันติภาพและความมั่นคงของทะเลหนานไห่ บนพื้นฐานที่ประเทศที่เกี่ยวข้องเคารพความจริงทางประวัติศาสตร์
Toon/cai/ Chu