หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้ารายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กรมส่งเสริมการลงทุนแห่งชาติอินโดนีเซียเผย ครึ่งแรกปีนี้ ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติมีกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ในนี้ ยอดการลงทุนจากจีนสูงถึง 2,110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 529.28 % เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว จีนกลายเป็นประเทศที่ลงทุนในอินโดนีเซียมากที่สุด และมีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย

เมื่อเร็วๆ นี้ นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กล่าวว่า ช่วง 5 ปีข้างหน้า อินโดนีเซียจะเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การดำเนินโครงการเหล่านี้ต้องการเงินทุนสูงถึง 490 ล้านล้านรูเปียห์ แต่งบประมาณที่สามารถนำมาใช้ได้ทางด้านนี้มีเพียง 150 ล้านล้านรูเปียห์เท่านั้น จึงต้องดึงดูดเงินทุนจากบริษัทภาคเอกชนและเงินทุนจากต่างชาติเข้ามาร่วมด้วย สื่ออินโดนีเซียเห็นว่า นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนจีน

ขณะนี้ จีนกำลังเร่งดำเนินนโยบาย "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ บริษัทจีนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทเอกชนพากันไปลงทุนที่ต่างประเทศรวมทั้งอินโดนีเซียด้วย ช่วงที่ผ่านมา รัฐวิสาหกิจที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลกลาง และรัฐวิสาหกิจประเภทอื่นๆของจีนจำนวนมากมีการร่วมลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐานของอินโดนีเซีย ทำให้ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศมีความใกล้ชิดขึ้นมาก จากข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ปัจจุบัน มีบริษัทจีนกว่า 1,000 แห่งลงทุนในธุรกิจด้านต่างๆ ในอินโดนีเซีย ธุรกิจเหล่านี้รวมถึง เหล็กและเหล็กกล้า วัสดุก่อสร้าง น้ำมันปิโตรเลียมและเคมี การแปรรูปสินค้าทางทะเล การผลิตรถยนต์ การเกษตร สิ่งทอ และการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการลงทุนแห่งชาติอินโดนีเซียกล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่จีนเพิ่มการลงทุนในอินโดนีเซียอย่างรวดเร็วคือ จีนไปลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าสินแร่เป็นหลัก ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องการใช้เงินทุนค่อนข้างมาก หลังจากจีนเพิ่มการลงทุนในมาเลเซีย และมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวอินโดนีเซียมากขึ้น การค้าระหว่างอินโดนีเซีย-จีนมีความสมดุลมากขึ้น เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการลงทุนแห่งชาติอินโดนีเซียยังกล่าวว่า อินโดนีเซียหวังว่า นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งรวมทั้งนักลงทุนจีนด้วยจะช่วยอินโดนีเซียและประเทศในภูมิภาคพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

นักวิเคราะห์เห็นว่า ปัจจุบัน จีนมีโอกาสมากที่จะไปลงทุนในอินโดนีเซีย เช่น ลงลึกความร่วมมือด้านศักยภาพการผลิต โครงการรับเหมาก่อสร้าง โครงการความร่วมมือเหล่านี้จะเอื้อประโยชน์มากให้แก่ทั้งสองฝ่าย

(YIM/cai)