ต่อมา พลังจึงได้รับเชิญเข้าร่วมรายการ "Swordsman (笑傲江湖)" รายการประกวดการแสดงตลกของสถานีโทรทัศน์เซี่ยงไฮ้ ตอนแรกพลังลังเลใจมาก แต่เพราะเป็นคนที่ชอบท้าทายตนเอง และใฝ่หาประสบการณ์ใหม่ เขาเคยแสดงละครเวที ละครดนตรี แต่ไม่เคยแสดงละครตลก จึงตัดสินใจไปร่วมแข่ง แต่การแสดงละครตลกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งพลังยังเป็นคนต่างชาติ จึงยิ่งลำบาก พลังเองก็รู้สึกกังวลมาก แต่เพราะคิดว่าดนตรีและละครตลกมีอะไรที่เชื่อมถึงกันได้ เพราะต่างต้องการให้ผู้แสดงถ่ายทอดเรื่องราวและความรู้สึกให้ผู้ชมรับรู้ ส่วนเขาเองก็ชอบอยู่บนเวที จึงอยากลองทำให้ผู้ชมและผู้ตัดสินหัวเราะกันบ้าง

ในการแสดงครั้งนี้ พลังได้แสดงสิ่งที่เขาถนัดทำอย่างเต็มที่ โดยแสดงตัวเป็นครูสอนร้องเพลง ทีแรกใช้ภาษาจีนแบบไทยสอน ต่อมา จึงได้พูดภาษาจีนแบบท้องถิ่นและภาษาจีนกลาง เขาพูดได้ชัดและเหมือนคนจีนมาก จนผู้ตัดสินทั้ง 4 คนไม่เชื่อว่าเขาเป็นคนไทย "ซ่ง ตันตัน" ผู้ตัดสินในรายการคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงของจีน เค้นความกับเขาว่า ยอมรับมาซะดีๆ ว่ามาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือใช่ไหม หรือผู้ตัดสินอีกคนหนึ่ง "อู๋ จวินหรู" นักแสดงตลกหญิงที่มีชื่อเสียงของฮ่องกง ก็ถึงกับโทรไปหาสามี "เฉิน เข่อซิน(ปีเตอร์ ชาน)" ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงของฮ่องกง ซึ่งมีคุณแม่เป็นคนไทย เพื่อให้เขาพูดคุยกับพลังและพิสูจน์ว่าเขาเป็นคนไทยหรือไม่ สุดท้ายจึงเชื่อว่า พลังเป็นคนไทยจริงๆ พลังบอกว่า เขาเองรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้คุยกับผู้กำกับเฉิน เข่อซิน เพราะเขานับถือและชอบดนตรีจีนจากภาพยนตร์ของเฉิน เข่อซินนี่เอง

ต่อมา พลังก็เข้าร่วมรายการ "Super Comedians"(超级笑星) ซีซั่นสองของสถานีโทรทัศน์มณฑลอันฮุย ซึ่งก็เป็นรายการประกวดการแสดงตลกเหมือนกัน โดยครั้งนี้ยังมีมาริโอ้ ร่วมเป็นแขกรับเชิญของรายการด้วย การพูดคุยให้ข้อเสนอแนะและกำลังใจ ทำให้พลังมีความมั่นใจและได้ไอเดียในการแสดงเพิ่มขึ้น มาริโอ้บอกว่า พลังเป็นคนเหมาะกับชื่อของตน เพราะเป็นคนที่มีพลังจริงๆ ทั้งยังมีความสามารถติดตัวมากมาย พูดภาษาจีนก็เก่งไม่แพ้คนจีนเจ้าของภาษาด้วย แถมร้องเพลงและเต้นรำได้ จึงชื่นชมและสนับสนุนพลังมาก

ความจริงแล้ว พลังเคยร่วมรายการโทรทัศน์ของจีนมากมาย แม้ว่าจะได้รับเสียงชื่นชม แต่ก็ยังมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตบางส่วนตั้งข้อสงสัยว่า เขาเข้าร่วมรายการโทรทัศน์และโชว์ความเก่งด้านภาษาจีนเพราะอยากดัง แต่พลังไม่สนใจ เพราะเห็นว่าสิ่งที่เขาพูดบนเวทีทั้งหมดเป็นความจริง สำเนียงที่เขาเลียนแบบก็ไม่ได้ตั้งใจทำ เพราะเมื่อเพิ่งมาถึงจีน เขาพูดแบบนี้จริงๆ ซึ่งรู้สึกตลกดี จึงอยากใช้วิธีนี้ทำให้ผู้ชมหัวเราะ และเพื่อแบ่งปันความสุขจากดนตรีด้วย แต่แน่นอนว่า คนสนับสนุนเขาก็มีไม่น้อย ซึ่งก็เป็นกำลังใจที่ทำให้พลังพยายามต่อไป ในหน้าเวยโป๋ไมโครบล็อกจีนของเขา มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจีนโพสต์ข้อความแสดงความชื่นชอบและสนับสนุนเขาจำนวนมาก ซึ่งพลังก็พยายามตอบทุกคอมเมนต์ด้วย เพื่อแสดงความขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้เขา ซึ่งทำให้แฟนๆ ตื่นเต้นและรู้สึกมีความสุข เพราะปกติแล้ว คนที่มีผู้ติดตามจำนวนมากส่วนใหญ่จะไม่สนใจตอบ ทำให้ทุกคนรู้สึกว่า พลังเป็นคนอบอุ่นและถ่อมตัวด้วย

จริงๆ แล้ว การไปเรียนต่างประเทศตัวคนเดียวตอนอายุยังน้อยเป็นสิ่งที่ไม่ง่าย แต่พลังทำได้ดีมาก เขาพยายามปรับตัวเข้ากับสังคมจีน ไม่ว่าการพูดหรือท่าทีเหมือนคนจีนหมด ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนทำได้ ดังนั้น หากเขาจะเข้าร่วมรายการโทรทัศน์และโชว์ภาษาจีนเพื่ออยากจะดังจริง ก็ไม่เห็นจะมีความผิดอะไร เพราะเขาได้พยายามที่จะเรียนรู้อย่างจริงจัง และคนที่มีความเพียรพยายามก็ย่อมจะได้ผลดีตอบแทน