หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้ารายงานว่า วันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับมติฉบับร่างสองฉบับที่เกี่ยวข้องกับปัญหาซีเรียซึ่งร่างขึ้นโดยฝรั่งเศสกับสเปนและรัสเซียตามลำดับ แต่ล้วนไม่ผ่านความเห็นชอบในท้ายที่สุด นับเป็นครั้งที่ 5 ที่รัสเซียได้ปฏิเสธมติฉบับร่างเกี่ยวกับปัญหาซีเรียหลังจากเกิดการปะทะในซีเรียเป็นต้นมา ส่วนมติฉบับร่างที่รัสเซียได้ยื่นนั้นก็ไม่ได้รับการอนุมัติเนื่องจากเสียงสนับสนุนไม่เพียงพอ ปัญหาซีเรียได้กลายเป็นจุดระเบิดของข้อขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียอีกครั้ง
นายวิตาลี ชูร์คิน (Vitaly Churkin) ผู้แทนรัสเซียประจำสหประชาติกล่าวในที่ประชุมว่า วิกฤติซีเรียปัจจุบันตกอยู่ในสภาพหัวเลี้ยวหัวต่อ ความพยายามประสานงานทางการเมืองของประชาคมโลกจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การเสียเวลาเปล่าๆ อย่างนี้ยอมรับไม่ได้ นายเดวิด เพรซแมน( David Pressman)รองผู้แทนสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติได้กล่าวถึงการนี้ว่า สิ่งที่รัสเซียอยากได้ก็คือให้พวกเราหารือต่อไป เพื่อให้พวกเขาใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมบุกโจมตีเมืองอเลปโป (Aleppo)
ก่อนหน้านี้รัสเซียยกเหตุปกป้องฐานทัพเป็นข้ออ้างได้จัดวางระบบขีปนาวุธป้องกันทางอากาศ S-300 ในซีเรีย วอยซ์ ออฟ อเมริกา(VOA---Voice Of America)รายงานว่า ภายในประเทศสหรัฐฯ กำลังหารือเพิ่มการสนับสนุนด้านอาวุธแก่ฝ่ายค้านซีเรีย และอาจจะใช้เครื่องบินรบสหรัฐฯ โจมตีฐานทัพอากาศของซีเรียด้วย
นายโรเบิร์ต ฟอร์ด(Robert Ford)นักวิจัยระดับสูงของสถาบันวิจัยตะวันออกกลางของสหรัฐฯ อดีตเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ประจำซีเรียเห็นว่า เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ กับรัสเซียไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง รัฐบาลโอบามาเห็นว่าการต่อต้านการก่อการร้ายในซีเรียเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ส่วนรัสเซียถือการสนับสนุนอำนาจรัฐนายบาชาร์ จาฟารี (Bashar Jaafari) มาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ สองประเทศไม่สามารถมีความเห็นพ้องกันเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤติซีเรีย
นอกจากปัญหาซีเรียแล้ว เนื่องจากขาดการไว้วางใจซึ่งกันและกัน ข้อขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียยังขยายลุกลามไปในด้านอื่นๆ ด้วย
(Yim/zheng)