จีนกับไทยมีการไปมาหาสู่กันตั้งแต่โบราณการล โดยสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมพ.ศ. 2518 ต่อมา สองประเทศมีความสัมพันธ์ทางการทูตด้วยดีอย่างมั่นคง ถือเป็นแบบฉบับที่ประเทศเพื่อนบ้านที่มีระบอบประเทศต่างกันอยู่ร่วมกันด้วยดี
เมื่อเดือนมิถุนายนพ.ศ. 2547 ประเทศไทยได้ยอมรับระบบเศรษฐกิจสังคมของจีนเป็นประเทศแรกในอาเซียน และสร้างยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์กับจีนเป็นประเทศแรกในอาเซียนด้วย ในระหว่างกระบวนการสร้างเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนนั้น ไทยเป็นประเทศแรกที่ได้ลงนามข้อตกลงว่าด้วยการปลอดภาษีผลไม้และผักกับจีน ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคมพ.ศ. 2559 ยอดการค้าทวิภาคีระหว่างไทยกับจีนเป็นจำนวน 36,190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จีนกลายเป็นตลาดใหญ่อันดับสองด้านการส่งออก และแหล่งนำเข้าใหญ่อันดับที่หนึ่งของไทย
ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากการทรงสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ของพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งได้ทรงทุ่มเทความพยายามอย่างมากเพื่อส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และเพิ่มความเข้าใจระหว่างประชาชนสองฝ่าย โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศและพระบรมวงศานุวงศ์ทรงแสดงบทบาทพิเศษและสำคัญอย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศมีพระราชดำรัสในครั้งหนึ่งว่า สาเหตุสำคัญที่ไทยกับจีนมีความสัมพันธ์พิเศษคือ ประชาชนสองประเทศมีประเพณีดั้งเดิม วิถีชีวิต และแนวความคิดที่คล้ายกัน ภายใต้การส่งเสริมมิตรภาพระหว่างไทย-จีนของพระบรมวงศานุวงศ์ ความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างสองประเทศพัฒนาเรื่อยๆ มิตรภาพระหว่างประชาชนสองฝ่ายก็นับวันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วย
In/Ldan