นายแจ็ค หม่า กล่าวว่า อาบีบาบาไม่อยากเป็นอาณาจักรธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ แต่ต้องการสร้างแพลตฟอร์มที่สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ในการร่วมมือกับประเทศไทย สิ่งแรกที่อาลีบาบาจะทำก็คือ สร้างระบบชำระเงินออนไลน์สำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวไทย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พวกเขา นอกจากนี้ ยังจะช่วยสร้างแพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของไทย ทำให้พวกเขาสามารถจำหน่ายสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ วัตถุประสงค์ของอาลีบาบาในการร่วมมือกับไทยไม่ใช่เพื่อมาขายของที่เมืองไทย แต่เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และบริการธุรกิจขนาดเล็กของไทยต่างหาก
ขณะกล่าวถึงอนาคตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ นายแจ็ค หม่า กล่าวว่า ยุคปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคแห่งกูเกิล ยุคแห่งอาลีบาบา แต่ใน 20 ข้างหน้า จะเป็นยุคที่มีความก้าวหน้ามากขึ้นจากการปฏิวัติเทคโนโลยี ผลิตผลการเกษตรของไทยมีความหลากหลายมาก หากจะขยายตลาดให้กว้างขึ้น ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเป็นเส้นทางที่จะต้องเป็นไป ในยุคอินเตอร์เน็ตเคลื่อนที่ เกษตรกรไทยสามารถขายสินค้าเกษตรไปยังจีน สหรัฐฯ ยุโรป และประเทศอื่นทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์มธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ
นายแจ็ค หม่า คาด ถึงปี 2036 อาลีบาบาจะสร้างงานประมาณ 100 ล้านตำแหน่งให้กับทั่วโลก จะช่วยให้ 10 ล้านบริษัทมีกำไร และบริการผู้บริโภคทั่วโลกกว่า 2,000 ล้านคน
นายแจ็ค หม่า ยังได้แบ่งปันประสบการณ์การพัฒนาธุรกิจอาลีบาบากับผู้ร่วมสัมมนาว่า เขาเคยประสบปัญหาและอุปสรรคมากมาย เช่น สอบไม่ผ่าน ไม่ได้งาน หลังก่อตั้งอาลีบาบา ก็เผชิญกับอุปสรรคต่างๆ เช่นกัน แต่เขาไม่เคยท้อถอย เพราะเขาคิดว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องไม่ยอมแพ้ และเดินหน้าต่อ สุดท้าย ก็จะประสบความสำเร็จได้
(IN/cai)