สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เนื่องในโอกาสการประชุมฟอรั่มความร่วมมือระหว่างประเทศ "1 แถบ 1 เส้นทาง" ได้จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เจ้าหน้าที่ สื่อมวลชนของประเทศอาเซียนได้วิเคราะห์ " 1 แถบ 1 เส้นทาง " โดยเห็นว่า "1 แถบ 1 เส้นทาง" เป็นผลดีต่อการเร่งกระบวนการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันของประชาคมอาเซียน

ดาโต๊ะ นาจิบ ราซะก์ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ตีพิมพ์บทความในหนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์( South China Morning Post)ว่า เส้นทางสายไหมได้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้แนวคิดที่เปิดกว้างของประเทศทั้งหลายตามรายทาง ซึ่ง "1 แถบ 1 เส้นทาง" ในวันนี้ได้สืบสานเจตนารมณ์นี้ ประเทศอาเซียนต่างเห็นถึง "การได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย" อันแท้จริงจากโครงการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานของ "1 แถบ 1 เส้นทาง" เช่น ทางรถไฟจีน-ลาว ทางรถไฟความเร็วสูงกรุงจาการ์ตา-เวียงจันทน์ ทางรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-โคราช ตลอดจนทางรถไฟจีน-มาเลเซีย ซึ่งจะกลายเป็นสะพานแผ่นดินใหญ่ที่เชื่อมเอเชีย ตะวันออกกลางตลอดจนแอฟริกา

ทั้งนี้ ไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของคณะรัฐมนตรีหลายคนมาเข้าร่วมการประชุม อาทิ รัฐมนตรีต่างประเทศ รัฐมนตรีกระทรวงการคมนาคม รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การประชุมคณะรัฐมนตรีไทยได้ผ่านร่างญัตติความร่วมมือ 2 ฉบับที่เกี่ยวกับ "ความสะดวกสบายทางการค้า" และ "การเชื่อมโยงจิตใจประชาชน" แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนของไทยมีต่อ "1 แถบ 1 เส้นทาง" นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีไทยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เมื่อโลกได้เผชิญกับความไม่แน่นอนมากมาย "1 แถบ 1 เส้นทาง" ทำให้เรามองเห็นความหวังใหม่

(Yim/zheng)