เมื่อเดือนที่แล้ว นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติไทยคนที่สองเป็นหัวหน้านำคณะคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติเดินทางเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและการคลัง สภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน การเดินทางของคณะครั้งนี้ มีกำหนดการเยือนกรุงปักกิ่งและนครเซี่ยงไฮ้ โดยได้พบกับผู้บริหารหน่วยงานสำคัญต่างๆ เพื่อหารือการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการค้านวัฒกรรมและอัญมนี
เมื่อวันที่ 24 เมษายน คณะได้เดินทางไปเยือนกลุ่มบริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการบินอวกาศแห่งประเทศจีน ได้เยี่ยมชมห้องนิทรรศการผลงานดาวเทียม คณะมีโอกาสได้เรียนรู้การพัฒนาดาวเทียมของจีน สนใจให้จีนไปร่วมการประกวดราคาดาวเทียมสื่อสารของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศหรือจิสด้าของไทย คณะมีความพอใจกับผลงานของจีนที่ได้เห็นกับตา และหวังว่าความร่วมมือในด้านดาวเทียมระหว่างจีนกับไทยจะพัฒนาด้วยความราบรื่น
ช่วงบ่าย นายหลี่ เซิ่งหลิน ประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและการคลังสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนพบกับคณะจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่มหาศาลาประชาชน นายหลี่ เซิ่งหลินกล่าวระหว่างการพบปะว่า จีนกับไทยเป็นมิตรประเทศเพื่อนบ้าน การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกว่า 40 ปีมานี้ ระดับผู้นำมีการเยือนซึ่งกันและกันบ่อยครั้ง อำนวยประโยชน์แก่กันและได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย กระชับมิตรภาพระหว่างประชาชนสองประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่าการเยือนจีนของนายพีระศักดิ์ พอจิตครั้งนี้จะส่งเสริมให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยพัฒนาไปด้วยดี ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการเมือง เศรษฐกิจ การนิติบัญญัติ และการค้า
นายพีระศักดิ์ พอจิตกล่าวว่า พระราชสำนัก รัฐบาล รัฐสภา วงการธุรกิจและประชาชนไทยต่างมีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับจีน จีนเป็นประเทศที่เป็นแหล่งนักท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดของไทย มีนักท่องเที่ยว 8-10 ล้านคนเดินทางท่องเที่ยวไทยทุกปี ซึ่งได้ผลักดันการพัฒนาของเศรษฐกิจไทย นายพีระศักดิ์ พอจิตหวังว่าการเยือนจีนครั้งนี้จะเพิ่มพูนความเข้าใจและมิตรภาพระหว่างสถาบันนิติบัญญัติของสองประเทศ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โดยเฉพาะด้านไฮเทค เป็นต้น
วันที่ 25 เมษายน คณะได้ไปยังสภาวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน นายจาง เจี๋ย รองประธานสภาวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีนได้ต้อนรับคณะอย่างอบอุ่น นอกจากแนะนำความเป็นมาของสภาวิทยาศาสตร์แล้ว ยังได้เผยว่า ปัจจุบัน สภาวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีนได้ตั้งสำนักงานที่กรุงเทพฯ โดยมีการตั้ง "ศูนย์พัฒนาความร่วมมือด้านนวัฒกรรมกรุงเทพฯ"ขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการกระชับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับไทยตลอดจนประเทศอาเซียน ปัจจุบัน ไทยกำลังดำเนินยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 และมีการเริ่มต้นโครงการอีอีซี หวังว่าจีนกับไทยมีโอกาสกระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ
In/Ping